จักรทิพย์ลุยสอบชายสงสัยบึ้มยันไทยไร้บอมบ์พลีชีพ

จักรทิพย์ลุยสอบชายสงสัยบึ้มยันไทยไร้บอมบ์พลีชีพ

จักรทิพย์ลุยสอบชายสงสัยบึ้มยันไทยไร้บอมบ์พลีชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอง ผบ.ตร. ยันจับ แก๊งระเบิดราชประสงค์เชื่อมโยงสาทรแน่ ส่งทีมสืบแกะรอยขยายผลแก๊งนี้ อีก 4 - 5 จุด สอบเค้นต่างชาติทั้งคืน ไร้บึ้มพลีชีพในไทยแน่

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้า การจับผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ในคดีวางระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ในอพาร์ทเม้นท์ย่านหนองจอกวานนี้ ว่า ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ทำการสอบขยายผลผู้ต้องหารายนี้ ตลอดคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีปัญหาเรื่องภาษา เพราะทางตำรวจมีหน่วยงานที่แปลภาษาไว้อยู่แล้ว ส่วนการสืบสวนขยายผลต่อเนื่องในขบวนการนี้ ซึ่งยืนยันว่า มีมากกว่านี้อีกหลายคน และเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรอย่างแน่นอน ได้ส่งทีมสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่อีก 4 - 5 จุด เพื่อสอบขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจุดใดบ้าง 

นอกจากนี้ กรณีที่มีสื่อบางฉบับ ถามว่าจับแพะหรือไม่นั้น ยืนยันว่า คดีนี้เป็นคดีระดับโลก ทำเช่นนั้นไม่ได้แน่ และต้องให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเหนื่อยยาก ไม่ใช่มาตั้งคำถามเช่นนี้ ส่วนประเด็นที่ว่า ตนเองให้ข่าวว่าอาจมีระเบิดพลีชีพในประเทศไทยเกิดขึ้นนั้น ก็มีความคลาดเคลื่อน ยันยืนว่า ตนเองไม่เคยให้ข่าวเช่นนั้นแน่นอน และไม่มีกระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทยแน่ จึงขอความร่วมมือให้คนไทยช่วยกันเป็นหูเป็นตาในเรื่องลักษณะเช่นนี้ด้วย 


จ่อสอบมือบึ้มราชประสงค์โฆษกตร.ยังไม่ตัดปมไหนทิ้ง

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ใช้อำนาจตาม ม.44 ควบคุมตัว ชายต้องสงสัยโยงเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบตัวไว้ที่ค่ายทหาร ซึ่งจากนี้ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยแบ่งงานทำร่วมกันเป็นทีม และในวันนี้พนักงานสอบสวน จะเข้าสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่ค่ายทหารอีกครั้ง ส่วนเรื่องการเก็บดีเอ็นเอคนร้าย ยังไม่ระบุเวลาดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นทิ้ง ต้องรอให้ผลการสอบสวนมีความชัดเจนเสียก่อน 


สถานทูตตุรกีแถลงจุดยืนต่อต้านก่อการร้ายทุกรูปแบบ

สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ออกคำแถลงของสถานทูตเกี่ยวกับรายงานข่าวคาดการณ์เชื่อมโยงชาวตุรกีกับกรณีเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐตุรกี ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยในสาส์นดังกล่าว ว่าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และในฐานะตัวแทนประเทศตุรกี ได้ประณามอย่างรุนแรงต่อการก่อการร้ายดังกล่าว พร้อมแสดงจุดยืนที่มั่นคงในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ไม่ว่าการก่อการร้ายนั้นจะมีแหล่งที่มาต้นกำเนิดหรือแรงจูงใจอย่างใดก็ตาม  โดยตุรกียังคงมีนโยบายต่อสู้กับการก่อการร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว  ส่วนกรณีรายงานข่าวที่มีการคาดการณ์ระบุว่ามีชาวตุรกีพัวพันกับเหตุการณ์วางระเบิดนั้น ประเทศตุรกีได้ส่งสาส์นแสดงจุดยืนในการต่อต้านการก่อการร้ายไปถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา และได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางการไทย หากมีข้อมูลที่แน่ชัด ทั้งนี้ ทางสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ยังได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยขอยืนยันจุดยืนในการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประเทศไทย ตลอดจนพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการไทย


กต.แถลงไม่สรุปจับบึ้มวานนี้ยังไม่โยงใคร

ตามที่มีรายงานข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เรื่อง ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 มีการใช้เอกสารเดินทางปลอม หรือเชื่อมโยงกับชาวต่างประเทศบางกลุ่มนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ทางการไทยไม่เคยสรุปการเชื่อมโยง หรือให้ข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลที่เผยแพร่ โดยหน่วยงานของทางราชการเท่านั้น


เปิดอพาร์ทเม้นท์ซุกบึ้มตามปกติแล้ว-สอบอีกวันนี้

พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.หนองจอก เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตามที่ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้เข้าจับกุมชาวต่างชาติ ที่มีวัตถุระเบิด ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซ.เชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอกวานนี้นั้น โดยตลอดคืนที่ผ่านมาได้ทำการตรวจหาวัตถุพยานอย่างละเอียด ในห้องที่ผู้ต้องหาได้เช่าเอาไว้ทั้ง 5 ห้อง หมดแล้ว และอนุญาตให้อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว เปิดทำการได้ตามปกติแล้ว 

ส่วนความคืบหน้าในคดีนี้ในวันนี้ (30 ส.ค.) คาดว่า ทางตำรวจจะส่งชุดสอบสวน ร่วมกับทางทหาร เข้าไปสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาต่างชาติ ที่ควบคุมตัวไว้ที่ มณฑลทหารบกที่ 11 ตามมาตรา 44 อีกครั้งหนึ่ง



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook