ผบ.ทบ.รู้ชื่อคนร่วมขบวนการบึ้มราชประสงค์อีก2-3คน

ผบ.ทบ.รู้ชื่อคนร่วมขบวนการบึ้มราชประสงค์อีก2-3คน

ผบ.ทบ.รู้ชื่อคนร่วมขบวนการบึ้มราชประสงค์อีก2-3คน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'พลเอกอุดมเดช' เผย รู้ชื่ออีก 2-3 คน ร่วมขบวนการระเบิดแยกราชประสงค์ ทหารยังคุมตัวผู้ต้องหาสอบ คาด 7วันเสร็จ ยังไม่ชัดเป็นชาวตุรกี ด้าน ป.เร่งตามหาตัวสาวไทยเปิดห้องพักให้ผู้ต้องหาคดีระเบิด ขณะ โฆษก ตร. ยันคดีคืบมีหลักฐานเพิ่ม

พลเอก อุดมเดช สีตบุตร  ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการสอบสวนผู้ต้องหาคดีระเบิดแยกราชประสงค์ หลังการจับกุมตัวได้ 1 ราย ว่า ขณะนี้ทหารอยู่ระหว่างการควบคุมตัวสอบสวนผู้ต้องหา เพื่อขยายผลทางคดีเพิ่มเติม โดยมีฝ่ายตำรวจร่วมสอบสวนด้วย ซึ่งผลการสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมเอ่ยชื่อบุคคลที่ร่วมขบวนการก่อเหตุแล้ว 2-3 คน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้บงการใหญ่ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าเป็นบุคคลใด หรือกลุ่มใดบ้าง เพราะเป็นห่วงจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทหาร จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่ดำเนินการสอบสวนในลักษณะพูดคุยและสอบถามอย่างระมัดระวัง 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงการตรวจสอบสัญชาติที่แท้จริงของผู้ต้องหาว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นชาวตุรกีหรือไม่ เนื่องจากการตรวจสอบพาสปอร์ตแล้ว เชื่อว่าเป็นการใช้พาสปอร์ตปลอม ขณะเดียวกัน ยังไม่ขอชี้ชัดว่าจะเกี่ยวโยงกับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อาจไม่พอใจไทยที่ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวนหนึ่งให้กับทางการจีนหรือไม่  ซึ่งจะต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก่อน โดยคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการสอบสวน  ประมาณ 7 วัน จึงจะแล้วเสร็จ ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป


ป.เร่งตามหาตัวสาวไทยเปิดห้องพักให้ผู้ต้องหาคดีระเบิด

พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการปราบปราม ได้ประชุมเพื่อแบ่งงานให้ฝ่ายสืบสวน ร่วมทีมคลี่คลายคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ โดยมีการประชุมสรุปผลการปฏิบัติการ หลังจากเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ พร้อมวางแนวทางการสืบสวน ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการแบ่งงานให้แต่ละกองกำกับการ ทำหน้าที่สืบสวนร่วมกับตำรวจนครบาล ในการออกหาข่าวติดตามภาพจากกล้องจรปิดเพิ่มเติม ในบริเวณอพาร์ตเมนต์ของผู้ต้องหาเพื่อขยายผลในกรณีที่อาจจะยังมีผู้ร่วมขบวนการหลงเหลืออยู่ 

อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนกองปราบ กำลังเร่งตรวจสอบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากที่เกิดเหตุเพื่อขยายผลถึงบุคคลอื่นที่อาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการ รวมทั้งเร่งตรวจสอบหนังสือเดินทางโดยให้ร่วมกับสถานทูตตุรกี เพื่อหาแหล่งที่มาที่ไปและข้อมูลหมายเลขในหนังสือเดินทางด้วย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารที่พักของผู้ต้องหาช่วงเวลาเกิดเหตุยังไม่พบมีผู้ต้องสงสัยรายอื่นปรากฏ ซึ่งทางกองปราบปราม ได้ประสานงานกับตำรวจ สน.มีนบุรี เพื่อให้ติดตามตัวผู้เปิดห้องเช่าเลขที่ 9106 อาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี มาสอบสวน เนื่องจากเจ้าของหอพักดังกล่าวให้การกับตำรวจ ว่า มีหญิงไทยคนหนึ่งใช้ชื่อว่า "ไมซาเลาะ" เป็นคนมาเปิดห้องเช่าไว้ ซึ่งในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอพาร์ทเมนท์
ยังไม่พบตัว นางไมซาเลาะ ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวอย่างเร่งด่วน เพราะ นางไมซาเลาะ อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับขบวนการวางระเบิดในครั้งนี้


โฆษก ตร. ยันคดีคืบมีหลักฐานเพิ่ม เรียกประชุม 09.00 น.วันนี้ 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ยืนยันคดีมีความคืบหน้าและได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะที่ผลการตรวจสอบวัตถุทางเคมี คาดว่าในวันนี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวอีกว่า ในวันนี้เวลา 09.00 น. ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม ที่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถ.วิภาวดี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวอีกด้วย


'ประวุฒิ' เผย ออกหมายจับอีก1คนเอี่ยวคดีบึ้ม

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการสอบสวนผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ที่ถูกจับกุมได้ย่านหนองจอกว่า ขณะนี้มีชัดเจนแล้ว เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร แต่ยังไม่ทราบสัญชาติที่ชัดเจน ขณะเดียวกันสามารถรู้กลุ่มคนร้าย และรู้ว่าในกลุ่มมีใครบ้าง แต่เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ใช้ชื่อปลอม จึงต้องเร่งติดตามพิสูจน์ให้รู้ ชื่อนามสกุลที่แท้จริง 

ล่าสุด มีการออกหมายจับเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ต้องหาตามภาพสเกตช์ ชายที่อยู่ห้องพักอาศัยอพาร์ตเมนต์ย่านมีนบุรี และอยู่ระหว่างขอหมายจับอีกหลายราย ทั้งนี้ มั่นใจว่า แนวทางสืบสวนสอบสวนมาถูกทางแล้ว 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ประวุฒิ ระบุว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องมีต้องตรวจค้นดำเนินการทุก 2 - 3 เดือน พร้อมขอความร่วมมือเจ้าของอพาร์ตเมนต์ หอพัก ที่พบมีผู้พักอาศัยลักษณะคล้ายคนร้าย หรือหากพบคนกลุ่มนี้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบได้


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook