คสช.ยันชายต่างชาติให้การเป็นประโยชน์คดีบึ้ม

คสช.ยันชายต่างชาติให้การเป็นประโยชน์คดีบึ้ม

คสช.ยันชายต่างชาติให้การเป็นประโยชน์คดีบึ้ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ.อ.วินธัย แถลง คดีระเบิดคืบหน้า ศาลออกหมายจับแล้ว รวม 4 คน ขณะ 'วรรณา' ประสานขอเข้าพบ จนท. แล้ว

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าว ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. ต่อคดีระเบิดแยกราชประสงค์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานการจองเที่ยวบินจากต่างประเทศมายังประเทศไทย ยังอยู่ในระดับปกติ


สำหรับการดำเนินการต่อผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติทั้ง 14 รายนั้น ได้ให้ความช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายศพกลับประเทศและประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว ส่วนความคืบหน้า การสอบสวนคดี ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้ว จำนวน 4 คน ได้แก่  1. ชายที่สวมเสื้อสีเหลือง ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์  2. ชายที่สวมเสื้อฟ้า ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ท่าเรือสาทร  3. ชายตามภาพสเกตช์ ซึ่งมีผู้พบเห็นว่าเป็นผู้พักอาศัยในห้องเช่าย่านมีนบุรี ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด และ 4. น.ส.วรรณา สวนสัน ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเปิดเช่าห้องพักในพื้นที่มีนบุรีจำนวนหลายห้อง 
ที่มีชายชาวต่างชาติตามภาพสเกตช์เข้าพักอาศัย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ น.ส.วรรณา ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ต่างประเทศและได้ติดต่อขอเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวว่า ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการซักถามผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวได้จากพื้นที่หนองจอกเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนคดีเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากผลการสอบพยานต่างๆ โดยเฉพาะพยานบุคคลและผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น  พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการ อาคารที่พัก เกสต์เฮาส์และห้องเช่าต่างๆ หากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยเข้ามาพักอาศัย ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่ใกล้ที่สุด


นอกจากนี้ ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนง ให้งดการนำเสนอข่าวในเชิงด่วนสรุปหรือคาดเดาไปเอง โดยปราศจากข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากทางราชการ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นการชี้นำต่อการรับรู้ของประชาชน จนอาจทำให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook