ประวิตรบินจีนปัดคุยคดีบึ้มไม่ชัดเอี่ยวอุยกูร์รอสอบ

'พล.อ.ประวิตร' นำคณะเยือนจีน ยันไม่คุยเรื่องระเบิด ไม่ชัดเอี่ยวอุยกูร์ รอสอบ ขณะการคลี่คลายคดีรอการตรวจสอบลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ ขยายผลถึงคนบงการ 'วีรชน' แจง ยังไม่ชัดผู้ต้องสงสัยเป็นชาติใด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมเดินทาง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี นำคณะร่วมงานฉลอง 70 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และชมการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน รวมถึงหารือความร่วมมือด้านต่าง ๆ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และการลงทุน 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า จะไม่มีการพูดคุยเรื่องคดีระเบิดแยกราชประสงค์ กับทางจีน เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับตัวผู้ต้องสงสัยบุคคลที่จับได้ในขณะนี้ มีความใกล้เคียงกับคนร้ายในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะต้องรอการตรวจสอบลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ และพยานหลักฐาน ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงกับเรื่องอุยกูร์ หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะจะต้องรอการสอบสวน รวมถึงจะต้องมีการดำเนินการสืบและขยายผลเพื่อหาตัวคนที่บงการต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องทำให้ประเทศ และประชาชนมีความปลอดภัย และต้องทำให้มีความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุในลักษณะนี้อีก

'วีรชน'แจงยังไม่ชัดผู้ต้องสงสัยเป็นชาติใด

พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมชายต้องสงสัย ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ว่า ขณะนี้มีเพียงรายงานความเชื่อมโยงและความคืบหน้าในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อน เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ จึงอยากให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนก่อน ในส่วนพาสปอร์ตจะต้องรอการตรวจสอบว่า เป็นของจริงหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงการต่างประเทศ จะทำงานร่วมกันและรายงานความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ไม่ควรระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชาวอุยกูร์ หรือชาติใด จนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งบุคคลที่ถูกจับกุมตัวนั้น เบื้องต้นมีหลักฐานว่า เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์  ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานทั้งบุคคลและหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ให้รอบด้าน โดยจะมีความชัดเจนในวันนี้