ตามล่าสาวหน้าตาดี วางยาอดีตผู้ใหญ่บ้านดับ ชิงเงิน 4 แสน

(17 ก.ย.) ตำรวจรับแจ้งเหตุ พบศพนายนิยม อายุ 41 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ภายในห้องพักหมายเลข 10 รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา สภาพศพนอนคว่ำหน้า น้ำลายฟูมปาก สวมเสื้อเชิ้ดลายสก๊อตแขนสั้น กางเกงยีนขายาว คาดเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง

จากการตรวจสอบภายในห้องพบนาฬิกาของผู้ตายวางไว้อยู่ที่หน้ากระจก รองเท้าหนังสีน้ำตาล 1 คู่ นอกจากนี้ยังพบถุงพลาสติกเซเว่น มีน้ำขนมและพบว่ามีขวดนมมีการเปิดดื่มไปพร้อมกับน้ำอีก 1 ขวด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานรายนิ้วมือแฝง เพื่อทำการตรวจสอบ

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 16 ก.ย ร.ต.ท.สมศักดิ์ แร่กาสินธิ์ พงส.สภ.จอหอ ได้รับแจ้งพบรถฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ทะเบียน ขต 6741 นครราชสีมา จอดไว้ริมถนนมิตรภาพ โคกสูง ติดเครื่องยนต์ไว้นานผิดสั่งเกต โดยไม่มีผู้ขับขี่อยู่ภายในรถ จึงไปตรวจสอบไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของก่อนนำมาเก็บไว้ที่โรงพัก พร้อมตรวจสอบผู้ครอบครอง

กระทั่งทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนางยุพา อายุ 34 ปี จึงได้เดินทางไปสอบถามที่บ้านพักทราบว่าสามีคือนายนิยม เป็นคนนำรถไปใช้ พร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สามี ขับรถออกจากบ้านไปทำธุระแต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด

พ.ต.ท.จุลฑะ จันทน รอง ผกก.สส.สภ.จอหอ นำกำลังออกสืบสวนหาข้อมูลพบว่า หลังจากที่นายนิยม ขับรถออกมาจากบ้านได้ไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสี่แยกจอหอ เป็นเงินจำนวน 4 แสนบาท โดยข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดของธนาคารระบุเวลา 13.03 น.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ พบข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดของร้านเซเว่นภายในปั้ม ป.ต.ท.พบว่าผู้ตายเข้าไปซื้อของใช้ ก่อนที่จะเดินกลับไปในรถ พร้อมกับขับรถออกไปจนกระทั่งมีพยานพบเห็นว่า ผู้ตายได้ขับรถเข้าไปเปิดห้องพักชั่วคราวที่รีสอร์ทดังกล่าว ในเวลาประมาณ 14.00 น.ก่อนที่แม่บ้านพบว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี นั่งมาในรถด้วย

กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น.หญิงสาวคนดังกล่าวได้ขับรถจะออกไปข้างนอกพร้อมกับเปิดกระจกรถ มาบอกตนว่าขอเปิดต่อเป็นค้างคืน โดยแจ้งว่าผู้ชายยังนอนพักอยู่ภายในห้อง อย่าไปรบกวน พร้อมยื่นเงินจำนวน 400 บาท ตอนขับรถออกไป กระทั่งมีการพบว่ารถคันดังกล่าวถูกนำมาจอดทิ้งไว้ห่างจากตัวรีสอร์ทประมาณ 800 เมตร

ชุดสืบสวนได้กระจายกำลังออกติดตามหญิงสาวผู้ต้องสงสัย คาดว่าเป็นคนใกล้ชิด โดยคาดว่ามีการเตรียมการนำยามาผสมให้ผู้ตายดื่มกินขณะอยู่ในห้องพักเพื่อหลับนอน ก่อนจะชิงเงิน 4 แสนบาทหลบหนี