ดวลเดือด ตร.วิโจร ปล้นแท็กซี่

ดวลเดือด ตร.วิโจร ปล้นแท็กซี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตร.เมืองเพชรวิสามัญโจรจี้รถแท็กซี่ดับคาบ้าน เผยช่วงตีสามชาวบ้านพบรถแท็กซี่พุ่งชนท่อระบายน้ำข้างทางที่อ.ชะอำ จึงแจ้งตำรวจรุดไปตรวจสอบ พบโชเฟอร์แท็กซี่โดนยิงด้วยปืนลูกซองสาหัส ส่วนโจรหลบหนีเข้าไปในบ้านของตัวเอง ใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ จึงระดมกำลังปิดล้อม พร้อมประกาศให้มอบตัว แต่โจรใช้ลูกซอง5นัดยิงใส่ด.ต.บาดเจ็บ จึงโดนถล่มดับสยอง พ่อแม่ระบุลูกมีอาการประสาท

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 30 ม.ค. ร.ต.ท.ภัฏ อินเถลิงศักดิ์ ร้อยเวรสภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งมีเหตุจี้รถแท็กซี่บนถนนเพชรเกษมขาลงใต้ กม.ที่ 186-187 บริเวณหน้าร้านเฉลียวการค้า บ้านร่องระกำ ต.นายาง อ.ชะอำ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอีกหลายนายรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่มิเตอร์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู-ขาว ทะเบียน ทล 4725 กทม ของสหกรณ์ราชพฤกษ์แท็กซี่ จำกัด หมายเลข 114 เสียหลักพุ่งชนเสาท่อระบายน้ำอยู่ข้างทาง ด้านหน้ารถฝั่งคนขับถูกชนจนยุบ ภายในรถมีร่องรอยการรื้อค้น และพบกองเลือดกับหมอนรองกระสุนปืนลูกซอง 1 อัน และที่เบาะหลังคนขับพบปลอกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนเจ็บพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ทราบชื่อภายหลังว่า นายโสภณ ทองเรือนดี อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บาง ปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็นคนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ท้ายทอยด้านซ้าย แพทย์ระบุคนไข้อาการสาหัสยังไม่รู้สึกตัวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาในห้องไอซียู

ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า คนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนจี้รถแท็กซี่ ที่มีนายโสภณเป็นคนขับมาตั้งแต่กรุงเทพฯ โดยระบุให้มาส่งที่ต.นายาง อ.ชะอำ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุนายโสภณ ตัดสินใจที่จะหลบหนี คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง หลังจากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป

ต่อมาวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ ต.นายาง อ.ชะอำ เนื่องจากหลังเกิดเหตุมีพยานเห็นบุคคลน่าสงสัยแต่งกายชุดลายพรางทหาร ท่าทางมีพิรุธหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน

พ.ต.อ.ชาลี สร้อยสุมณฑา ผกก.สภ.ชะอำ จ.เพชร บุรี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังหาข่าวจนทราบว่าคนร้ายคือนายพิษณุ โดยดี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 ต.นายาง อ.ชะอำ หลังก่อเหตุแล้วหลบมาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังมาปิดล้อมไว้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่นปพ.ภ.จว.เพชรบุรีและเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.เพชรบุรี เข้าร่วมสมทบกว่า 50 นาย

โดยพ.ต.อ.ชาลี เปิดเผยว่าตำรวจจะใช้ความอดทนกดดันให้นายพิษณุ มอบตัวจนถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านที่นายพิษณุหลบซ่อนตัวอยู่ พบว่าตำรวจกระจายกำลังล้อมบ้านไว้ โดยนายพิษณุ เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายพิษณุมอบตัว และให้ทางพ่อแม่ ญาติพี่น้อง มาช่วยกันเกลี้ยกล่อม เนื่องจากทราบภายหลังว่านายพิษณุ ป่วยเป็นโรคประสาท แต่นายพิษณุไม่ยอมส่งเสียงทักทายกับญาติพี่น้องแต่อย่างใด ทางญาติพยายามทั้งพูดจาเกลี้ยกล่อม และส่งกระดาษพร้อมปากกา ไปทางช่องด้านล่าง แต่ก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายตำรวจขอความร่วมมือเจ้าอาวาสวัดนายาง ที่ทราบว่าผู้ตายให้ความเคารพนับถือ มาพูดจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล

จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. ทางตำรวจลองยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด เพื่อดูท่าทีของนายพิษณุ แต่หลังจากตำรวจยิงปืนขึ้นฟ้า นายพิษณุ ใช้ปืนลูกซองยาว 5 นัด ยิงใส่ตำรวจที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน กระสุนไปถูกด.ต.เทวิน เอมรื่น ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.เพชรบุรี บริเวณขา ตำรวจจึงเตรียมความพร้อมและประกาศขอให้นายพิษณุยอมมอบตัวโดยนับถอยหลัง 5-4-3-2-1 ก่อนที่จะเปิดฉากระดมอาวุธปืนยิงใส่ ไปยังบริเวณห้องพักของนายพิษณุดังสนั่นหวั่นไหว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ตำรวจจึงเข้าเคลียร์พื้นที่

จากการตรวจสอบภายในห้องนอนพบศพนายพิษณุ สวมชุดลายพรางทหาร นอนจมกองเลือดอยู่ข้างเตียงนอน มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะและตามลำตัวหลายนัด บนเตียงมีอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ขวาน 1 เล่มและมีด 3 เล่ม นอกจากนี้ยังพบเอกสารและบัตรประจำตัวของนายโสภณคนขับแท็กซี่รวมอยู่ด้วย

นายพุม โดยดี อายุ 75 ปี บิดาของนายพิษณุ เปิดเผยว่า สมัยก่อนนายพิษณุเป็นคนเรียนเก่งมากจบจากโรงเรียนประจำจังหวัด แต่โชคร้ายที่ต่อมามีอาการทางประสาท โดยเริ่มเป็นมาประมาณ 2 ปี แล้ว ซึ่งต้องให้กินยาตลอด หากวันไหนไม่กินยาก็จะมีอาการคลุ้มคลั่งบางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่อง ชาวบ้านใกล้เคียงก็ไม่สบายใจกับพฤติกรรมของนายพิษณุเท่าไรนัก จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วนายพิษณุก่อเหตุพยายามฆ่านายยุทธ เหมาะดี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หลังจากนั้นก็หนีไป

ล่าสุดเพิ่งกลับมาวันที่ 29 ม.ค. และช่วงเย็นวานนี้มีชาวบ้านเห็นนายพิษณุ สะพายปืนลูกซองเดินไปมาและหายไป ตนไม่รู้เรื่องจนกระทั่งตอนเช้าถึงรู้ว่านายพิษณุไปก่อเรื่องมา และการที่ลูกถูกวิสามัญครั้งนี้ ตนไม่ติดใจการทำงานของตำรวจ แต่ก็เสียใจที่ลูกต้องมาเป็นแบบนี้ หลังจากนี้คงนำศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนา นายพุมกล่าว

ส่วนนางแอ็ด โดยดี มารดาผู้ตาย ได้แต่ร้องไห้ตลอดเวลาในช่วงที่ตำรวจระดมยิงใส่ห้องที่ลูกชายซ่อนตัวอยู่ พร้อมเปิดเผยว่าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจน่าจะยิงขาหรือแขนก็ได้ ไม่น่าจะยิงถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากลูกชายป่วยเป็นโรคประสาทอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook