รวบทันควันหนุ่มปล้นแบงค์ เผยเลือกที่นี่เพราะไม่มีรปภ. ตำรวจสืบจากเสื้อ

รวบทันควันหนุ่มปล้นแบงค์ เผยเลือกที่นี่เพราะไม่มีรปภ. ตำรวจสืบจากเสื้อ

รวบทันควันหนุ่มปล้นแบงค์ เผยเลือกที่นี่เพราะไม่มีรปภ. ตำรวจสืบจากเสื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(2 ต.ค.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 คุมตัวนายพุทธรักษ์ อายุ 23 ปี ภูมิลำเนา อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ธนาคาร มาสอบสวนพร้อมแถลงข่าว พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นปลอม 1 กระบอก , หมวกกันน็อค เสื้อผ้าและรองเท้าที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมด้วยเงินสดอีก 30,000 บาท โดยถูกจับกุมได้เพียงสองวันหลังก่อเหตุ

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา คนร้ายเป็นชาย 1 คน ถืออาวุธปืนเข้าจี้ชิงเงินพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาถนนนิมมานเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เงินไป 56,000 บาท ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนี

หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารที่บันทึกเหตุการณ์ขณะก่อเหตุ รวมทั้งยังพบภาพบนเส้นทางที่ใช้หลบหนีได้อีกหลายจุด โดยพบว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ในซอยสุกี้โคคา ถนนห้วยแก้ว เพื่อเปลี่ยนเสื้อที่ใช้ก่อเหตุเป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว หลงจากนั้นได้ขี่รถจักรยานไปอีก 500 เมตร เปลี่ยนเสื้อเป็นตัวที่สองเป็นเสื้อเชิ๊ตแขนยาว สีกรมท่า ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าด้านหลังเสื้อปักตัวอักษรชื่อร้านการช่างแห่งหนึ่ง ก่อนจะหลบหนีไป

ต่อมาชุดสืบสวนสืบทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายพุทธรักษ์ เป็นช่างทำเหล็กอยู่ที่ร้านรับทำหลังคาและเหล็กดัด ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จึงเข้าจับกุมได้ขณะที่นายพุทธรักษ์ยังสวมเสื้อตัวเดิมที่เปลี่ยนหลบหนี

นายพุทธรักษ์ สารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปดูลาดเลาในเช้าวันเดียวกัน กระทั่งช่วงเย็นจึงยืมรถของร้านออกไปก่อเหตุ และกลับมาทำงานต่อในช่วงเย็นวันเดียวกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนสาเหตุที่ลงมือก็เพราะติดหนี้ที่ยืมเงินเพื่อนมาแต่ไม่มีเงินใช้ จึงหมดหนทางและเกิดอารมณ์ชั่ววูบลงมือก่อเหตุ โดยเลือกธนาคารแห่งนี้เพราะเห็นว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า การสืบสวนในคดีนี้มีกล้องวงจรปิดเป็นเครื่องมือสำคัญ จับภาพหมวกกันน็อคและเสื้อของคนร้ายได้ชัดเจน ซึ่งภาพที่ได้มาจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายเป็นกล้องของภาคเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการโปลิศอาย เหตุชิงทรัพย์ที่เกิดในครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เกิดกับธนาคารในรอบ 5 เดือน ซึ่งได้ประสานขอความร่วมมือไปยังธนาคารให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยอีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook