สุธาชัยระบุรบ.แบบปิดต้องมีมาตรการคุม

'สุธาชัย' ระบุ รัฐบาลแบบปิดต้องมีมาตรการเบื้องต้นเพื่อควบคุมความคิดและการเคลื่อนไหวทางการเมือง มองรัฐประหารยุคก่อนต่างจากปัจจุบัน

รศ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสวนาเชิงวิชาการประวัติศาสตร์ในหัวข้อ ประวัติศาสตร์และการปราบปรามประชาชน โดยกล่าวว่าในรูปแบบรัฐบาลเผด็จการ หรือ รัฐบาลแบบปิดนั้น จะต้องมีมาตรการเบื้องต้นเพื่อควบคุมความคิดและการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจได้รับแนวคิดจากประเทศอื่น เช่น การห้ามชุมนุมเกิน 5 คน และการควบคุมการสื่อสารความคิดต่างผ่านการควบคุมสื่อมวลชนและปัญญาชน ซึ่ง รศ.สุธาชัย มองว่ามาตรการเซ็นเซอร์นี้ เริ่มจากศาสนาสำนักวาติกัน เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างจากศาสนา สำหรับไทยในอดีต ประสบความสำเร็จในการคุมผ่านศาสนา มีระบบไพร่ หรือทาส จึงทำให้ไทยไม่มีประวัติศาสตร์การปราบปรามประชาชนเช่นรัฐในยุโรป

พร้อมกันนี้ รศ.สุธาชัย ยังกล่าวว่า ในยุคที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ารัฐประหารในไทย มีการกวาดล้างจับกุมผู้ร่วมชุมนุมฝ่ายค้านครั้งละ 500 คน ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่มาก รวมทั้งมีการให้สื่อต่าง ๆ นำเสนอข่าวในเชิงบวก ห้ามวิจารณ์รัฐบาล และเป็นสิ่งทำให้รัฐบาลไทยในยุคต่อมา ดำเนินรอยตาม โดยส่วนตัวนับว่าไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้ ในยุคนั้นยังมีนักการเมืองของประชาธิปัตย์ถูกจับกุมเช่นกัน แตกต่างจากปัจจุบันที่นักการเมืองของประชาธิปัตย์ไม่ถูกจับกุม

ด้าน นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ชุมนุมใช้ส่วนใหญ่ในฮ่องกงใช้ในการสื่อสารระหว่างการชุมนุม คือ google facebook เพื่อสื่อว่ามีการนัดแนะรวมตัวกันในสถานที่ใดบ้าง ที่สำคัญคือมีการติดแฮชแท็กสำหรับผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน โดยสรุปบทเรียน 1 ปีผ่านไป มาตรการหลักที่รัฐบาลฮ่องกงใช้ปราบการต่อต้านรัฐบาลในสื่อออนไลน์ คือรัฐบาลฮ่องกงดักฟัง ติดตามสอดแนม การสื่อสารทางสื่อออนไลน์ของประชาชน, มีการตีความกฎหมายคอมพิวเตอร์ให้ควบรวมถึงกรณีกิจกรรมประท้วงในเว็บบอร์ด สื่อออนไลน์, วิธีการระดมคนเข้าร้องขอนำเนื้อหาออกจากเว็บไซต์, การใช้แฮชแท็ก, กลุ่มสนับสนุนรัฐบาล ในสื่ออนไลน์ ที่สำคัญรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนคนกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สันติบาลนอกเครื่องแบบคอยบันทึกภาพและสังเกตการณ์ระหว่างการเสวนาอย่างเข้มงวด