อภิสิทธิ์ยันปชป.พร้อมเสนอความเห็นต่อกรธ.

'อภิสิทธิ์' ยัน ปชป. พร้อมเสนอความเห็นต่อ กรธ. เชื่อการรับฟังความเห็นแก้ปัญหาได้ มองหัวใจสำคัญที่จะต้องมีการตรวจสอบทุจริต - ไม่ขัด นิรโทษกรรมให้ ปชช.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยาย เรื่อง “การเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการปกครอง” แก่ตัวแทนเยาวชนที่เข้าร่วมประชุมเยาวชนโลก ประจำปี 2558 ถึงเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน โดยคาดว่าอาจจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนน้อย หรือ อาจจะมีโรงงานที่ไม่เหมาะสมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาตั้ง หรือ โรงงานต่างประเทศข้ามแดนมาเพื่อหาแรงงานในราคาถูก

นอกจากนี้ ยังได้ยกตัวอย่างถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต่าง ๆ มักจะอนุมัติงบประมาณเพื่อจ้างงานประชาชนในชนบทว่า ในสมัยของรัฐบาล หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ นั้น มีการนำเงินเข้าสู่ชนบทเพื่อการจ้างงาน แต่สำหรับปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า เงินที่จะนำสู่ชนบทนั้น จะตกอยู่ที่นายทุนเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแทนแรงงานคน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการวางแผนเสนอความเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถประชุมได้ แต่มีคณะทำงาน อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ที่พร้อมให้ความเห็นอยู่แล้ว ซึ่งหากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ขอความเห็นมา ทางพรรคก็ยินดีให้ข้อคิดเห็น และสะท้อนประเด็นปัญหาต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้ กรธ. มีความตั้งใจในการกำหนดกรอบการดำเนินการอยู่แล้ว หากมีการรับฟังความเห็น หรือเร่งแก้ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ก็จะเป็นทางออกที่ดี

สำหรับประเด็นการเมืองในร่างรัฐธรรมนูญนั้น กล่าวว่า เป็นหัวใจสำคัญที่จะต้องมีการตรวจสอบทุจริต ถ่วงดุลอำนาจและวางดุลอำนาจให้เหมาะสมจึงเป็นทางออกของปัญหาได้

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประทศ หรือ สปท. ที่เสนอการนิรโทษกรรมว่า ส่วนตัวแล้วไม่ขัดต่อการนิรโทษกรรมประชาชนที่แสดงออกโดยสุจริตตามเสรีภาพ ซึ่งหากขัดต่อกฎหมายความมั่นคงเพียงเล็กน้อยก็สามารถนิรโทษได้ แต่ขออย่าพ่วงบุคคลอื่นร่วมด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเตรียมการเรื่องนิรโทษกรรมไว้พอสมควร แต่เกิดปัญหาจากการที่มีบุคคลอื่นถูกร่วมนิรโทษกรรมด้วยส่วนตัวอยากให้รัฐบาลนี้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว ในการนิรโทษกรรมประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้ในอนาคตถูกบุคคลที่ไม่สมควรนำมาอ้างในการปรองดอง

พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงรูปแบบการดำเนินงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ว่าควรมีกรอบการทำงานที่จำกัด จึงจะต้องหาวิธีการทำงานที่เหมาะสม เนื่องจาก สปท. เป็นเสมือนเพียงเวทีระดมความคิด หากจะแก้กฎหมายก็จะต้องผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ส่วนอำนาจการบริหารก็เป็นของรัฐบาล ดังนั้น การปฏิรูปจะสำเร็จหรือไม่จะขึ้นอยู่กับ สนช. และรัฐบาลที่จะนำแนวคิดนโยบายของ สปท. มาปฏิบัติ ก่อนย้ำทิ้งท้ายว่า การปฏิรูปไม่สามารถสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น สิ่งสำคัญจะต้องทำให้สังคมร่วมผลักดันการปฏิรูปภายหลังที่มีการเลือกตั้ง