นายกฯปัดสืบอำนาจย้ำSingleGatewayแค่ศึกษาเร่งแก้แล้ง

นายกฯปัดสืบอำนาจย้ำSingleGatewayแค่ศึกษาเร่งแก้แล้ง

นายกฯปัดสืบอำนาจย้ำSingleGatewayแค่ศึกษาเร่งแก้แล้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี เข้มเทศกาลกินเจ ย้ำ Single Gateway แค่ศึกษา ปัดสืบอำนาจ ขอคนเคารพกฏหมาย เตือน ปชช.ย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน ลุยขับเคลื่อนเศษฐกิจ เร่งแก้ภัยแล้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุข ให้คนในชาติทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ในช่วงวันที่ 13-21 ตุลาคมนี้ เป็นเทศกาล “ถือศีลกินเจ” ซึ่งวัตถุประสงค์ของการกินเจ มีทั้งกินเพื่อการทำบุญ กินเพื่อเว้นกรรม ไปจนถึงกินเพื่อสุขภาพ ตลอดจนรักษาศีลห้า รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ ส่วนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องของความปลอดภัย

นายกรัฐมนตรี ยังเชิญชวนประชาชน ผู้ประกอบการทั่วไป ข้าราชการ กรุ๊ปทัวร์เกาะรัตนโกสินทร์ แวะเข้ามาร่วมงาน ได้อิ่มท้อง ในงาน “สุดยอด SMEs ของดี ทั่วไทย” ที่ข้างทำเนียบรัฐบาลด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน และหาตลาดใหม่ ๆ ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือ ด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช และเริ่มพัฒนาในรูปแบบของการสร้างนวัตกรรมไปสู่การผลิตมากขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วน แต่ยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มานานหลายปี จนทำให้เกิดปัญหาในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ระบบเศรษฐกิจฐานรากไม่เข้มแข็ง, ระบบภาษีที่ซับซ้อน, ขาดความเชื่อมโยงระหว่างการผลิตภัณฑ์กับการตลาด, มาตรการกีดกันทางการค้า, การทุจริตคอร์รัปชั่น และงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อให้เราผ่านพ้นห้วงนี้ไปให้ได้ โดยรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยการมุ่งเน้นนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้สร้างการเจริญเติบโตจากภายใน สร้างความเข้มแข็ง ความเชื่อมโยงต่าง ๆ สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค ชายแดน อาเซียน ประชาคมโลก ไปพร้อม ๆ กันตามตามยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ”

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประท้วงอาจส่งผลกระทบกับการค้าการลงทุนของประเทศ เพราะฉะนั้นการประท้วง หรือชุมนุมเรียกร้องใด ๆ ขอให้ทุกคนคำนึงถึงกฎหมายที่มีอยู่ ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้ทุกคนได้เข้าใจถึงปัญหาในอดีต อาจจะมีคนบางกลุ่มยังคิดว่า คสช. และรัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อจะแสวงหาอำนาจ จะสืบทอดอำนาจขอให้เลิกคิดเพราะไม่เป็นความจริงอาจมีคนบางคนปลุกปั่น บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเข้าใจผิด ให้กับประชาชน เกษตรกร และต่างประเทศ, ซึ่งรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาสะสมทั้งหมด เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อย ทุกคนเคารพกฎกติกา หากยังมีการให้ร้ายกัน
ตลอดเวลา โดยอ้างคำว่าประชาธิปไตยตลอดมากระทำผิดกฎหมายไม่ได้ และคิดว่าทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น และไม่ยอมให้ใครมาสร้างความวุ่นวายอีก ตลอดจนขอให้ทุกคนระมัดระวังการรับข้อมูลข่าวสาร ป้องกันถูกหลอกลวง ชักจูง ปลุกปั่นด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่อง Single Gateway ว่า ขอยืนยันอีกครั้ง เป็นเพียงการหารือกันเท่านั้น และการมาเผยแพร่ในส่วนที่ไม่ใช่ใจความสำคัญ นั้นไม่ถูกต้อง ได้ย้ำแล้วต้องเคารพในสิทธิมนุษยชน ต้องเป็นไปตามกฎหมายถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นยังไม่ได้สั่งอะไรทั้งสิ้น ส่วนแนวคิดที่จะมี Single Gateway เพื่อป้องกัน และสร้างความปลอดภัยในประเทศเท่านั้น ไม่ได้ห่วงว่าจะมีไว้เพื่อปิดปากประชาชน เพื่อจะรักษาอำนาจแต่อย่างใด 

ส่วนเรื่องสถานการณ์ภัยแล้งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นการททำงานเพือเตรียมการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี ข้างหน้า ขณะที่ปัญหาเฉพาะหน้า วันนี้ฝนตกน้อย หรือฝนตกใต้เขื่อน ก็ได้พยายามแก้ปัญหาทั้งเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะยาว คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 8 มาตรการ 55 โครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ ตลอดจนพยายามสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรในภูมิภาคต่างๆ ด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางไปประชุมที่สหรัฐอเมริกา หรือ การประชุม UNGA ถือเป็นความสำเร็จของประเทศ การที่มีคนไปวิพากย์วิจารณ์ พยายามให้เสียเครดิต ขอเรียนว่าประเด็นสำคัญคือ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นนายกฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ที่ประชุมก็ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ทุกประเทศให้โอกาสประเทศไทยอยู่เสมอ ขออย่าทำลายโอกาสของประเทศ ซึ่งตนเองจะพยายามประคับประคองทุกอย่าง ให้ผ่านพ้นห้วงเวลาวิกฤตินี้ไปให้ได้ และเมือถึงวันมีประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้ว มีการเลือกตั้ง แล้วความสัมพันธ์ประเทศดีดังเดิม แต่ถ้าทำลายกันในวันนี้ วันหน้าถึงจะมีการเลือกตั้ง ความน่าเชื่อถือก็หมดไปอยู่ดี ย้ำทุกคนต้องช่วยกัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดถึงสื่อมวลชนว่า ของให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อน ด้วยการสอบถามตนเอง หรือโฆษกก็ได้ ไม่ควรนำเสนอข่าวแบบเลือกข้าง เหมือน บางคน บางราย เพราะทำให้ประชาชนแตกแยก อย่าไปโยงอย่างเดียวว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และขอให้สื่อรุ่นใหม่ มีจรรยาบรรณ เป็นสื่อที่ดี เป็นอนาคตของชาติ เพราะถือป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติด้วย เพราะ รัฐบาลทำส่วนหนึ่งประชาชนทำส่วนหนึ่ง แต่สื่อคือคนสร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมโยง ระหว่างทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook