สารนายกรัฐมนตรี ถึงประชาชน ยัน มอบนโยบาย กรธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดประชาธิปไตยที่เหมาะสม มุ่งหวังขจัดเผด็จการสภา แก้ทุจริตคอร์รัปชั่น ย้ำ ปรองดอง ต้องยึดกฎหมาย ลั่น จะไม่ยอมคนมุ่งร้ายต่อสถาบัน ทำร้ายประชาชน ทำลายประเทศ มากดดันอย่างเด็ดขาด
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ่านสารจากใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งถึงประชาชน ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย 2 ประเด็นสำคัญ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่การปฏิรูปและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า
ในเรื่องของการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คสช. ได้ให้แนวทางแก่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ขอให้มองถึงปัญหาในอดีต โดยยึดกระบวนการทางประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสภาพสังคม วัฒนธรรมของไทย ให้เปิดกว้างรับฟังความเห็นของประชาชน โดยไม่มีการแบ่งแยก ตามที่หลายฝ่ายพยายามโจมตีด้วยวาทะกรรม เพื่อหวังผลทางการเมือง พร้อมกับขอให้ นักการเมือง ประชาชน องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเสนอความเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญต่อ กรธ. ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เปิดไว้อย่างเต็มที่ แต่อย่าเสนอความเห็นผ่านสื่อ เพราะจะทำให้เกิดความสับสนอาจถูกนำไปบิดเบือนได้
ทั้งนี้ พล.ต.สรรเสริญ ย้ำว่า คสช.และนายกรัฐมนตรี วางเป้าหมายในการยกร่างรัฐธรรมนูญให้สามารถขจัดปัญหาเผด็จการรัฐสภา , การทุจริตคอร์รัปชั่น , มีการตรวจสอบการถ่วงดุลอำนาจ ระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ อย่างเหมาะสม
พล.ต.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงเรื่องการสร้างความปรองดองว่า จากกรณีที่หลายคนอ้างว่า เพื่อเดินหน้าประเทศและเพื่อการปรองดอง ต้องมีการนิรโทษกรรมนั้น ไม่ถูกต้อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากยอมรับข้อกล่าวหา ต่อสู้กันตามกระบวนการตั้งแต่ต้น คงไม่มีปัญหาบานปลาย สร้างความวุ่นวาย จน คสช. ต้องเข้ามาควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557
ดังนั้น คสช. มั่นใจว่า การสร้องปรองดอง คือการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยไม่ละเมิดกฎหมาย พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนให้พิจารณาคำพูด ข้อเสนอของนักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชนว่า ให้ข้อมูลถูกต้อง เกิดประโยชน์ต่อชาติอย่างแท้จริงหรือไม่ หากไม่จริงก็ขอเลิกฟัง เลิกเชื่อ เลิกสนับสนุน คสช. ไม่ต้องการเป็นศัตรูของใคร แต่จะไม่ยอมให้ใครที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน ทุจริต ทำร้ายประชาชน ทำร้ายประเทศ มากดดัน คสช. รัฐบาล และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในการทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้มีอนาคตที่เข้มแข็ง มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน อย่างเด็ดขาด
สำหรับการปฏิรูปให้เกิดความยั่งยืนของประเทศในทุกมิติ อาจต้องใช้เวลานาน จึงจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่า คสช. จะอยู่จนจบ เพียงแต่จะเริ่มต้นทำ และส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการต่อ โดยมีกลไกหรือกฎหมาย ควบคุมให้เป็นตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ครอบคลุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เป็นต้นไป โดยรัฐบาลจะต้องนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้ แต่กลไกดังกล่าว จะต้องไม่ก้าวก่ายการบริหารของรัฐบาล และต้องสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ หากประเทศประสบปัญหาขึ้นมาอีกเหมือนช่วงก่อน วันที่ 22 พ.ค. 2557
ทั้งนี้ สารนายกฯ ยังระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจดีว่า คนส่วนใหญ่ และต่างประเทศ ไม่ชอบที่ทหารเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่หากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่สมบูรณ์ แก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง ทหารจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีก และหวังว่า การเข้ามาของทหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 จะเป็นครั้งสุดท้าย โดยอยากให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีทั้งที่เป็นสากล ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อย และมีกระบวนการ กลไก ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนประเทศมั่นคง มีเสถียรภาพ และไม่ฝืนกติกา ประชาธิปไตยสากล ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย มีความรักสามัคคี ไม่กลับ
ไปสู่วังวนดังเดิมอีก