มิตรมิตรชัยงงเป็นหนี้ตำรวจ35ล.ลั่นถูกขู่ให้เซ็นยอม

มิตรมิตรชัยงงเป็นหนี้ตำรวจ35ล.ลั่นถูกขู่ให้เซ็นยอม

มิตรมิตรชัยงงเป็นหนี้ตำรวจ35ล.ลั่นถูกขู่ให้เซ็นยอม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พระเอกสิเก 'มิตร มิตรชัย' รับสาวใหญ่โอนเงินให้เป็นค่าเลี้ยงดู งง เป็นหนี้ตำรวจ 35 ล้าน ลั่นถูกขู่ให้เซ็นยอม เล็งฟ้องศาล

หลังจากที่ตกเป็นจำเลยในข้อหาฉ้อโกงเงินจำนวน 35 ล้านบาท สำหรับพระเอกลิเก "มิตร มิตรชัย" ล่าสุดวันนี้หนุ่มมิตรได้ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกับทนายความ "ทวิชา หวังโภคา" เพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับเผยว่าตนถูกข่มขู่ให้เซ็นยอมรับหนี้ 35 ล้าน ส่วนขู่ด้วยวิธีไหนตนไม่ขอบอกรายละเอียด ส่วนกับอดีตแฟนสาวใหญ่อายุ 42 ปี ที่มีปัญญากันเรื่องเงิน เจ้าตัวได้ชี้แจงว่า

"พี่เค้ามาเป็นแฟนคลับ และแลกไลน์คุยกันเค้าชอบซื้อเสื้อผ้าทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ ไปเที่ยวไปดูหนังด้วยกัน ผมรู้สึกอบอุ่นดีใจก็คบกัน พี่เค้าน่ารักพูดจาเพราะพูดน่าฟังน่ารัก เรื่องที่มันเกิดขึ้น มันมีปัญหาเลิกลากัน สิ่งที่เค้าให้มาทั้งหมดในเมื่อทุกบาททุกสตางค์พี่ให้ด้วยใจ จะเป็นฉ้อโกงได้ยังไง อยู่ดีๆ ผมไม่ได้ขอเลย ให้หลักหมื่นหลักแสน พอเค้าทวงคืนผมก็ไม่มีเงินโอนกลับไป ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นความผิดเอง พี่เค้าเข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายผม เงินที่เค้าเอามาให้เค้าไปกู้มาผมไม่เคยทราบมาก่อน อยากให้ทนายเป็นคนชี้แจง กลัวไปพาดพิงถึงใคร โปรเจคงานเป็นแค่ผมเล่าให้เค้าฟัง ไม่ได้มีการขอให้ร่วมลงทุนอะไร ไม่มีการเซตโปรเจคขึ้นมา ทุกสิ่งที่เค้าให้มาคือค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าที่ดินของผมที่ให้เค้าไปขายให้ ที่ต้องเซ็นยอมรับหนี้ผมออกจากสถานที่ตรงนั้นไม่ได้ ผมอยากออกให้เร็วที่สุดก็เลยเซ็นไป มันมีคำพูดหลายคำที่ทำให้เราปฏิเสธเค้าไม่ได้ ผมกลัวผมตัวคนเดียว ไม่เซ็นไม่ได้ ไม่ขอพูดรายละเอียด ไม่เคยรู้จักนายตำรวจท่านนี้มาก่อน อยู่ดีๆ ก็เป็นเจ้าหนี้ผม ครั้งที่สองที่เซ็นเพราะเค้าบอกจะมาหักล้างหนี้ แต่กลายเป็นว่าเซ็นใบที่สอง ยอดเงินที่ได้รับมาทั้งหมดตกอยู่ประมาณ 20 ล้าน ไม่ได้มาเป็นก้อน มันเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้เอามาลงทุนอะไรเลย และผมจะเอาเงินไปคืนยังไง มันกลายเป็นอุปกรณ์ไอทีไปหมดแล้ว ไม่ได้มีการติดต่อกับพี่เค้าเป็นการส่วนตัว สุดท้ายอยากจะขอโทษครอบครัวผมที่เค้ามีส่วนเกี่ยวข้อง ผมอยากให้เรื่องมันจบ มีผลกระทบต่อผมแน่นอน ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ต้องสู้เพราะว่ายอมไม่ได้ในสิ่งที่เค้าทำครับ"

ส่วนทางด้านทนายได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า "เรื่องความสัมพันธ์มิตรที่ดีต่อผู้ใหญ่ เป็นเรื่องของเด็กอายุ 22 ผู้ใหญ่ 42 ปี เป็นนักธุรกิจการดูแลของท่านมันเป็นรื่องปกติของผู้ใหญ่มอบให้กับเด็กโอนเงินผ่านบัญชีคุณมิตร การโอนมาแต่ละครั้งเป็นค่าใช้จ่ายปกติ ไม่เคยมี 35 ล้าน ไม่มีทั้งสิ้น ก่อนที่จะขัดแย้งกัน การคบหากันเริ่มต้นจากการช่วยเหลือดูแล มิตรเป็นเด็กหนุ่มเรียนหนังสืออยากมีรถใช้ แม่เค้าโอนที่ดิน 1 แปลงให้ เค้าอยากเอาเงินมาซื้อรถเบนซ์ ถ้ามิตรเป็นศิลปินเอาไปขายคงไม่เหมาะสม ก็เลยมีการโอนที่ดินไปให้ผู้ใหญ่คนนั้นดูแล โอนไปเพื่อนำไปขายต่อ เมื่อขายได้จะเอาไปซื้อรถเบนซ์ หลังจากนั้นความเป็นอยู่ก็ปกติต่างคนต่างรักชอบพอ ไปไหนมาไหนไม่เปิดเผย ด้วยความที่ท่านดูแลตลอดระยะเวลา แม้เค้าไม่ได้ไปมิตรจะซื้ออะไรต้องโทรไปบอกเค้าแล้วเค้าโอนเงินให้ จนมาถึงว่านำรถเบนซ์ 1 คันที่เค้าใช้อยู่แล้ว มาให้มิตรใช้ เค้าซื้อคันใหม่ ตลอดที่ใช้รถเค้าก็ส่งเสียตลอด หลักฐานโอนเงินมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เงินสูงสุดที่มิตรเคยได้คือ 1 ล้านโอน 2 ครั้งในวันเดียวกัน ต่อมาเค้าเอารถตู้โตโยต้าที่มีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อใช้รถดังกล่าวก็ปกติ เมื่อมิตรไปเกาหลี ทั้ง 2 คนนี้เกิดระแวงกันกลัวมีมือที่ 3 เข้ามา เมื่อมิตรเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพ มิตรไม่ขึ้นรถไปกับสาวใหญ่ด้วย ในที่สุดทั้งสองคนก็กลับมารักกันเหมือนเดิม ในช่วงนั้นมิตรถามทำไมที่ดินยังขายไม่ได้ ในที่สุดทั้งสองคนไปดาวน์รถเบนซ์มา ใช้เงินดาวน์ 4 แสนบาท ชื่อมิตรเป็นผู้เช่าซื้อ รถตู้คันดังกล่าวจอดไว้ที่บ้าน อยู่มาวันหนึ่งมิตรอยากได้เงินจากการขายที่ดิน แต่เค้ายังขายไม่ได้ ก่อนหน้านี้จะซื้อบ้านด้วยกัน บ้านยังไม่เสร้จ เมื่อทวงถามที่ดินได้รับเงินเมื่อเดือนมิถุนายน จำนวน 2 ล้าน และเดือนกรกฎาคมเงินเข้ามาอีก 3 ล้านกว่า เป็นค่าที่ดิน เมื่อได้มีการชำระค่าที่ดิน ทั้งสองก็ตกลงยุติความสัมพันธ์ลง ในที่สุดทั้งสองฝ่ายแยกทางกัน

ในวันรุ่งขึ้นมีตำรวจโทรหาแม่มิตร พูดจาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ มิตรเองอยู่ในภาวะอึดอัด จึงไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่งไกล่เกลี่ยมีการนัดหมายกันไปร้านอาหารชนบุรีซีฟู้ด วันที่ 3 สิงหาคม มีสัญญากู้ 1 ฉบับมาให้เซ็น บอกมิตรกู้เงินไป 35.5 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 งวดให้คืนในวันที่ 10 สิงหาคม ต่อมามิตรไปร้องขอความเป็นธรรมเพราะไม่เคยรู้จักผู้ใหญ่คนนี้มาก่อน 6 สิงหาคม ไปพบกันที่เดิม มิตรจำเป็นต้องเซ็นรับสภาพหนี้ ได้นำเงินมาให้คุณมิตรลงทุน ชำระ 3 งวด งวดแรก 30 สิงหาคม 5 ล้าน งวดที่สองวันที่ 30 กันยายน 5 ล้าน และใช้ที่เหลืออีกทั้งหมด อยู่ๆ ก็มีคุณเปิ้ลเพิ่มมาเป็นเจ้าหนี้อีก 1 คน เอกสารจึงมี 2 ฉบับ ตอนนี้คนที่ถูกกระทำคือคุณมิตร หลังจากนี้ได้ส่งหนังสือบอกล้าง กระทำไปโดยไม่รู้ นายตำรวจเป็นข้าราชการ วันที่ 30 สิงหาคม ต้องชำระ 5 ล้าน บ้าน รถตู้ โดนสกัดจับเพื่อให้ปรากฏเป็นข่าวใช้รถยนตร์หนีภาษี ไม่รู้เค้าไปซื้อรถที่ไหนอย่างไร เมื่อฝ่ายหญิงให้ข่าวว่า เมื่อแยกกันอยู่ทำไมไม่คืนรถ สิ่งที่ทำคือนำรถเบนซ์ไปมอบคืนให้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเห็นว่าคุณมิตรถูกรังแกเลยครับ มาให้เซ็นรับสภาพหนี้โดยตัวเองไม่ได้เป็นหนี้ ไม่เคยนำเงินมาร่วมลงทุนอะไรเลย เมื่อวานไปร้องขอความเป็นธรรม ว่าถูกบังคับให้ลงชื่อ ประเด็นที่ 2 อยากให้ศาลตรวจสอบรถตู้ เรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติคงได้ชี้แจงเร็วๆ นี้ การเซ็นชื่อไปนั้นอยู่ในภาวะที่ขัดขืนไม่ได้ ท่านที่อ้างเป็นเจ้าหนี้ขอให้มาแสดงหลักฐาน ฉบับแรกบอกคุณมิตรกู้ยืม ฉบับ 2 บอกลงทุน ครั้งละ 35.5 ล้าน เงินที่สาวใหญ่ให้มาเป็นการเลี้ยงดู เงินเสน่ห์หา แต่ถึงเวลาเลิกบอกฉ้อโกงไป 35.3 ล้าน มันเป็นเรื่องอะไรที่แปลกประหลาด ไปเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ถ้ามีหลักฐานมายืนยันกัน ถ้ามีจริงคุณมิตรก็จบ ถ้าเป็นเจ้าหนี้จริงเอาหลักฐานมาเลยครับ การเซ็นโดยไม่มีการมอบเงินให้จริงศาลมันบังคับไม่ได้ สุดท้ายฝากไปถึงผู้ใหญ่ใจดี ขอให้ท่านไปติดตามเส้นทางการเงินของท่านก่อน หลังจากนี้คงต้องพึ่งศาลเพราะทำให้เสียหาย"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook