น้องสาวสารภาพผัวฆ่าพี่เขยชาวญี่ปุ่น วัย 83 ปี

น้องสาวสารภาพผัวฆ่าพี่เขยชาวญี่ปุ่น วัย 83 ปี

น้องสาวสารภาพผัวฆ่าพี่เขยชาวญี่ปุ่น วัย 83 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่นายคาซุโอะ อายุ 83 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ถูกฆ่าปาดคอภายในห้องนอนชั้นบนของบ้านพัก หมู่ 9 ต.ยี่ล้น อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งคาดว่าคนร้ายคือนายสำพันธ์ อายุ 46 ปี น้องเขยของนางภรณี ภรรยาของนายคาซุโอะ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องฆ่าปาดคออดีตนักธุรกิจญี่ปุ่น วัย 83 ดับคาบ้านพัก

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (14 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.พีรพันธุ์ จันทร์เทียน ผกก.สภ.วิเศษชัยชาญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลวิเศษชัยชาญ เข้าทำการยกตู้เซฟของนายคาซุโอะ มาเก็บรักษาที่ สภ.วิเศษชัยชาญ เพื่อรอลูกชายของนายคาซุโอะ มาร่วมกันเปิดดูทรัพย์สินว่ามีอยู่เท่าไหร่ หรือคนร้ายได้ลักไปด้วย

พ.ต.อ.พีรพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และสอบสวนพยานแวดล้อมและพยานตัวบุคคลก็เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ต้องหารายนี้ก็คือ นายสำพันธ์ อายุ 47 ปี น้องเขยของนางภรณี อายุ 48 ปี ภรรยาของนายคาซุโอะ โดยภาพวงจรปิดมัดตัวระหว่างหลบหนีไปที่ท่ารถใน จ.สิงห์บุรี ทำให้ศาลได้ออกหมายจับเมื่อคืนนี้ (13 ต.ค.)

และหลักฐานที่มัดตัวอีกอย่างคือ คำสารภาพของ นางสมปอง อายุ 45 ปี ภรรยาของนายสำพันธ์ ที่ยอมรับว่า นายสัมพันธ์ได้ลงมือฆ่านายคาซุโอะคนเดียว ส่วนนางสมปองนั้นหลังสามีก่อเหตุได้ไปส่งที่ท่ารถใน จ.สิงห์บุรี และนายสัมพันธ์ได้ให้เงินมา 5 พันบาท จากนั้นนางสมปองก็มาทำลูกกุญแจรถจยย. 300 บาท ก่อนจะกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุ

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดเงินที่เหลือไว้เป็นของกลางแล้ว ส่วนจะแจ้งข้อหานางสมปองอย่างไรนั้น ต้องหาหลักฐานเพิ่มก่อนว่าได้ร่วมกันฆ่านายคาซุโอะ หรือเป็นแค่รับของโจร หรือช่วยผู้ต้องหาหลบหนี

สำหรับนายสำพันธ์ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ทุกจุด ที่คาดว่านายสัมพันธ์จะไปกบดานอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตภาคกลางและบ้านญาติของนายสัมพันธ์ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตรายเพราะพฤติกรรมโหดร้ายมาก ใครให้ที่หลบซ่อนต้องระวัง หากนายสัมพันธ์ขาดเงินอาจจะทำร้ายเพื่อหวังทรัพย์ได้

ในส่วนตู้เซฟนั้นก็จะทำการตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินหายไปหรือไม่ เนื่องจากพบว่าผู้ตายมีเงินอยู่หลายล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ทำร้ายผู้ตายบนที่นอน จากนั้นก็ลากลงมาที่หน้าเซฟ จับหัวผู้ตายโขกกับพื้นเพื่อบังคับให้เปิดเซฟ แต่ผู้ตายไม่ยอมจึงใช้กรรไกรแทงเพื่อให้ผู้ตายยอมเปิดเซฟ ซึ่งไม่รู้ว่าผู้ตายเปิดหรือไม่เพราะกุญแจเซฟหาไม่พบ

ทั้งนี้ ศพผู้ตายตอนนี้ยังอยู่สถาบันนิติเวช รอญาติมารับกลับไปประเทศญี่ปุ่น โดยลูกชายของผู้ตายซึ่งเป็นนายแพทย์อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จะเดินทางมาเมืองไทยในวันที่ 15 ต.ค. นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook