ฟื้นคดี! ล่าว่าที่เเม่ผัววัย 73 สั่งฆ่าเภสัชสาว "ว่าที่ลูกสะใภ้" ปี 50 ปลอมมรณบัตรหนี

ฟื้นคดี! ล่าว่าที่เเม่ผัววัย 73 สั่งฆ่าเภสัชสาว "ว่าที่ลูกสะใภ้" ปี 50 ปลอมมรณบัตรหนี

ฟื้นคดี! ล่าว่าที่เเม่ผัววัย 73 สั่งฆ่าเภสัชสาว "ว่าที่ลูกสะใภ้" ปี 50 ปลอมมรณบัตรหนี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. นำกำลังสืบสวนติดตามตัว นางจุรี จันทร์งาม อายุ 73 ปี ชาว ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า น.ส.ริ้วแพร โชติการ เภสัชกร รพ.ควนเนียง ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แล้วหนีคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยการปลอมเอกสารใบมรณบัตรทำทีเป็นเสียชีวิต กระทั่งพนักงานอัยการสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังมีชีวิตอยู่

ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. 50 ได้มีมือปืนบุกฆ่าโหดเภสัชกรสาว พร้อมผู้ช่วยแพทย์ดับสยอง 2 ศพ ที่คลินิกเวชกรรม นายแพทย์รังสรรค์ ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลควนเนียง ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ริ้วแพร อายุ 28 ปี เป็นเภสัชกร ประจำโรงพยาบาลควนเนียง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณหน้าอก หน้าท้อง และที่บริเวณชายโครงด้านขวาทะลุซ้ายแห่งละ 1 นัด นายอาดิษฐ์ อายุ 33 ปี เป็นผู้ช่วยแพทย์ของรังสรรค์ คลินิก

โดยขณะนั้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุการฆาตกรรมนั้นอาจมาจากปมขัดแย้งในเรื่องการแต่งงานของ น.ส.ริ้วแพร กับ นายวิกรม ซึ่งเป็นพนักงานธนาคาร ที่มีกำหนดวันแต่งงานในวันที่ 29 ธ.ค. 50 โดยงานเลี้ยงจัดขึ้นที่โรงแรมไดอิชิหาดใหญ่ ซึ่งเจ้าภาพได้แจกการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และทราบว่าผู้ใหญ่ของนายวิกรม กีดกันมาโดยตลอด โดยไม่ยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน

ต่อมา พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.สงขลา ในขณะนั้น จับกุม นายนรินทร์ อายุ 36 ปี และน ายจำนงค์ อายุ 40 ปี ทีมสังหารเภสัชกรสาว ก่อนขยายผลจับ นางจุรี มารดาว่าที่เจ้าบ่าวข้อหาจ้างวานฆ่า

ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องตามข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้อง นายจำนงค์ ผู้ต้องหาที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง เช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน อย่างไรก็ตาม นางจุรี วางหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทขอประกันตัว มีเพียงนายนรินทร์ มือปืนถูกขังอยู่ในเรือนจำ

กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.57 น.ส.รัศมี นายประกันยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลาว่า นางจุรี จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 24 ก.พ.57 และได้เผาศพที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.57 พร้อมยื่นใบมรณบัตรเป็นหลักฐานการตาย ขอให้ศาลคืนเงินประกัน

ต่อมา ศาลฎีกาจังหวัดสงขลาจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนการตาย โดยมี น.ส.รัศมี เป็นพยานเบิกความว่า ตนกับพี่สาว และผู้ตายกลับจากการร่วมชุมนุม กปปส. ที่กรุงเทพฯ แล้วแวะที่บ้าน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปรากฏว่านางจุรี เป็นลมเสียชีวิต เมื่อเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว เลยไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รุ่งขึ้นฝากศพไว้กับเพื่อนก่อนไปพบผู้ใหญ่บ้านแจ้งการตาย ขอให้ออกหนังสือรับรองนำเป็นหลักฐานแจ้งอำเภอ

อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้คัดค้าน ได้นำพยานเข้าสืบ 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อวัดมณีสพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาส รวมถึง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ยืนยันว่าไม่มีการจัดงานศพและเผาศพนางจุรีแต่อย่างใด และไม่มีพยานคนใดเห็นศพนางจุรี ส่วนสาเหตุที่ออกใบมรณบัตร ทางอำเภออ้างเหตุผลว่า เพราะมีใบรับรองการตายจากผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นพนักงานตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องของ น.ส.รัศมี นายประกัน และพยานหลักฐานของพนักงานอัยการ จังหวัดสงขลา ผู้คัดค้านแล้วมีความเห็นว่า นางจุรี จันทร์งาม จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้ถึงแก่ความตาย ตามที่นายประกันกล่าวอ้าง และเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาฎีกา ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้อง แต่นายวิกรม จันทร์งาม บุตรชาย ให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวน เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดา จึงลงโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษายืนประหารชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook