โอละพ่อ! ตร.สืบสาวไม่ได้ถูกขัง แต่อยู่กับแฟน วอนกลับมาเคลียร์พ่อแม่

โอละพ่อ! ตร.สืบสาวไม่ได้ถูกขัง แต่อยู่กับแฟน วอนกลับมาเคลียร์พ่อแม่

โอละพ่อ! ตร.สืบสาวไม่ได้ถูกขัง แต่อยู่กับแฟน วอนกลับมาเคลียร์พ่อแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจตามสืบ สาวอ้างถูกขังห้องมืดลงเรือ ที่แท้ไม่ใช่เรื่องจริง เขียนจดหมายลวงพ่อแม่ ตอนนี้อยู่ดีกับแฟนหนุ่ม วอนกลับบ้านมาเคลียร์

จากกรณีพ่อแม่ชาวอุดรธานี ร่ำไห้วอนให้ช่วยติดตามหาตัวลูกสาวที่หายตัวไปจากสนามบินดอนเมือง อ้างว่าได้รับจดหมายจากลูกสาวขอความช่วยเหลือ ถูกจับกักขังไว้ในห้องมืดบนเรือ คาดว่าจะนำไปขายบริการที่ต่างประเทศ ล่าสุด ผบก.อุดรธานี สั่งตามล่านายหน้าแรงงานเถื่อนและประสาน ปคม.และดีเอสไอ ช่วยติดตามหาหญิงสาวที่หายไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (27 พ.ย.) พล.ต.ต. พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบกภ.จ.อุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ท.สมโภช ประจิตร รอง ผกก.สส.สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เชิญตัว น.ส.สุกัญญา อายุ 35 ปี ที่ถูกระบุว่าเป็นนายหน้าเถื่อนที่ชักชวน น.ส.นิภาภรณ์ อายุ 25 ปี เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ก่อนหายตัวไป ตามคำบอกเล่าของพ่อแม่ น.ส.นิภาภรณ์ โดยใช้เวลาสอบสวน 1 ชั่วโมง

หลังสอบสวน พล.ต.ต.พีระพงษ์ เปิดเผยว่า นางสุกัญญา ให้การว่า ไม่ได้เป็นนายหน้าเถื่อน แต่เป็นคนดำเนินการซื้อตั๋วเครื่องบินจากบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้กับ น.ส.นิภาภรณ์ เดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ เมื่อถึงเวลาเดินทางปรากฏว่า เจ้าที่จากสำนักงานจัดหางาน ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เรียก น.ส.นิภาภรณ์ และเพื่อนร่วมกรุ๊ปอีก 2 คน ไปสอบสวน

ผลการสอบสวน ทั้ง 3 คน ไม่สามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ จึงถูกกักตัวไว้ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ ทั้ง 3 ได้เดินทางกลับที่พัก หลังจากนั้น ตนก็ไม่ทราบเรื่องราวของทั้ง 3 คนอีกเลย เมื่อตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงปิดที่ไปรษณีย์มาบตะพุด มาให้ น.ส.สุกัญญา ดู ก็ชี้ว่าคนที่ส่งกล่องพัสดุคือ น.ส.นิภาภรณ์ ที่อ้างว่าถูกจับตัวขังในห้องมืดในเรือ

พล.ต.ต.พีระพงษ์ เปิดเผยต่อว่า หลังจากกองกำกับการสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี และ ตำรวจ ปคม.กอง 1 สืบสวนเรื่องดังกล่าว ถึงขณะนี้แน่ชัดแล้วว่า น.ส.นิภาภรณ์ ไม่ได้ถูกหลอกหรือกักขัง ขณะนี้ปรากฎตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ กับเพื่อนชาย ชื่อ นายต้น เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องความประพฤติส่วนตัวภายในครอบครัว

เพียงแต่การส่งจดหมายมาเช่นนี้ ข้อความเกี่ยวกับคดีอาญา ทำให้ตำรวจต้องรีบทำงาน ซึ่งเมื่อวาน (26 พ.ย.) ก็บอกเป็นนัยแล้ว แต่ตำรวจต้องสนองความรู้สึกของพ่อแม่ และพยายามทำงานพิสูจน์ให้ว่า มีเหตุเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และจากการตั้งข้อสังเกต การเขียนจดหมายในห้องมืด น่าสงสัยที่ตัวอักษรยังดูเขียนตรง บรรจงตามปกติ

ทั้งนี้ ล่าสุดทราบว่า น.ส.นิภาภรณ์ ทำงานที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง จึงขอฝากผ่านสื่อมวลชนไปยัง น.ส.นิภาภรณ์ ให้กลับมาพูดคุยกับครอบครัว ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่จบลงด้วยดีได้

อย่างไรก็ตาม ทางพ.ต.ท.สุชัย นันแก้ว สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ได้รับข้อมูลจากเพื่อนชาวของ น.ส.นิภาภรณ์ แล้ว ระบุว่า "ฝากบอกแม่ของน้องว่า ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลน้องนิเป็นอย่างดี แล้วจะพากลับบ้านไปขอโทษพ่อแม่เร็วๆ นี้"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: พ่อแม่ร่ำไห้! ลูกสาวถูกขังในห้องมืดบนเรือ ไม่รู้ชะตากรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook