สาทิตย์ โต้สื่อเทศวิพากษ์รบ.ชี้ได้ข้อมูลไม่ครบ เชื่อมีคนจงใจให้ข้อมูลผิดพลาด

สาทิตย์ โต้สื่อเทศวิพากษ์รบ.ชี้ได้ข้อมูลไม่ครบ เชื่อมีคนจงใจให้ข้อมูลผิดพลาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สาทิตย์สวนสื่อนอก ชี้วิพากษ์รัฐบาลมาร์คได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เชื่อมีคนอคติจงใจป้อนให้ผิดพลาด สงสัยสอดคล้องกับข้อเสนอกลุ่มเสื้อแดงกับเพื่อไทย สวดไม่เข้าใจวัฒนธรรมคนไทย อ้างเหตุกษิตนั่งบัวแก้วแทนสุขุมพันธุ์ลงชิงผู้ว่าฯกทม.

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ถึงกรณีสื่อต่างประเทศ อาทิ หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ของสหรัฐอเมริกา ฉบับประจำวันที่ 30 มกราคม และนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ ของอังกฤษ ฉบับวางจำหน่ายในวันที่ 19 มกราคม วิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกครอบงำโดยกองทัพและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เรื่องนี้รัฐบาลสามารถชี้แจงได้ว่าสื่อต่างประเทศอาจจะมองประเทศไทยบนพื้นที่ข้อมูลที่เขาได้รับที่ซึ่งอาจจะไม่ครบถ้วนและผิดพลาด ด้วยความจงใจของใครบางคน เลยทำให้ไปตีความตามข้อมูลที่ได้รับมาอย่างจำกัด

นายสาทิตย์กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลที่สื่อนอกรายงานนั้นสอดคล้องกันอย่างบังเอิญกับข้อมูลการนำเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจมีเหตุผลมาจากในช่วงวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตั้งแต่ต้นปี 2551 กระทั่งถึงปลายปี ที่รัฐบาลในขณะนั้นพยายามจะโยงว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรและกองทัพเป็นความพยายามที่จะล้มรัฐบาลนอมินีรบอบทักษิณ โดยให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าเหมือนจะจริง แต่ข้อเท็จจริงคือกลุ่มพันธมิตรมีการต่อสู้กับระบอบทักษิณมาก่อนหน้านั้นแล้ว กระทั่งเกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2549

ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องนี้ว่าต้องเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย พวกเราได้วิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของพันธมิตรอย่างตรงไปตรงมา จนบางครั้งกลุ่มพันธมิตรก็หงุดหงิดและต่อว่าพรรคอยู่หลายครั้ง ในขณะที่ฝ่ายกองทัพนั้น หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทหารได้รับบทเรียน และในยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ.ก็พยายามกำหนดบทบาทของกองทัพให้อยู่ในฐานะของผู้ให้คำแนะนำทางการเมืองเท่านั้น นายสาทิตย์กล่าว

นายสาทิตย์กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าสื่อต่างประเทศมองว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้การครอบงำของกองทัพและกลุ่มพันธมิตรได้อย่างไร เพราะกลุ่มพันธมิตรเมื่อการต่อสู้กับระบอบทักษิณจบลง ก็ได้เปลี่ยนบทบาทไปทำการเมืองภาคประชาชน กองทัพก็จัดวางบทบาทไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง สำหรับบทบาทของรัฐบาลก็มีนโยบายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการทำคดีของคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอย่างตรงไปตรงมา ไม่เข้าไปแทรกแซง โดยเฉพาะคดีของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร เมื่อถูกดำเนินคดีก็ไม่เคยใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.คุ้มครองแต่อย่างใด

สื่อนอกไม่ใช่คนไทย จึงมีความเข้าใจข้อมูลและวัฒนธรรมการเมืองไทยในระดับหนึ่งเท่านั้น ประกอบกับผู้ให้ข้อมูลมีอคติ จึงทำให้สื่อนอกไม่อาจแยกแยะระหว่างการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรและพรรคประชาธิปัตย์ออกจากกันได้ กรณีที่นายกษิต ภิรมย์ ซึ่งเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็เพราะช่วยงานพรรคมานาน มีความรู้ความสามารถด้านการทูต ความจริงแล้วตำแหน่งดังกล่าวงเป็นของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แต่เนื่องจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม. จึงทำให้นายกษิตต้องมารับหน้าที่แทน หากพรรคตั้งนายสุริยะใส (กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร) พล.ต.จำลอง (ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร หรือนายสนธิ (ลิ้มทองกุล แกนนกลุ่มพันธมิตร) มาเป็นรัฐมนตรีก็ค่อยมากล่าวหากันว่ารัฐบาลถูกครอบงำ เช่นเดียวกับกรณีกองทัพ ที่จำเป็นต้องมีความยึดโยงกันกับรัฐบาล ตามระบบบริหารราชการแผ่นดิน นายสาทิตย์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook