ครั้งแรก!! โอปอล์ เล่าวินาทีซึ้ง ได้อุ้มลูก อลิน-อรัญ

ครั้งแรก!! โอปอล์ เล่าวินาทีซึ้ง ได้อุ้มลูก อลิน-อรัญ

ครั้งแรก!! โอปอล์ เล่าวินาทีซึ้ง ได้อุ้มลูก อลิน-อรัญ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ ลุ้นและเอาใจช่วยคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง "โอปอล์ ปาณิสรา" และ "หมอโอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล" ให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต จนในที่สุดก็ได้อุ้มน้องแฝด "อลิน-อรัญ" เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาท่ามกลางความยินดีของญาติผู้ใหญ่และเพื่อนพ้องทั่วทั้งวงการบันเทิง

ล่าสุดคุณแม่สุดมั่น โอปอล์ ก็ได้มีเวลาออกมาเจอสื่อเป็นครั้งแรก เจ้าตัวก็เลยถือโอกาสนี้เผยทุกความรู้สึกตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนเต็ม ที่ต้องนอนนิ่งๆ อยู่ในโรงพยาบาลจนกระทั่งได้เห็นหน้าลูกน้อยทั้งสองคนให้เราฟังว่า...

"เป็นครั้งแรกเลยที่ให้สัมภาษณ์เพราะปอเพิ่งได้ออกมาเจอคน (ยิ้ม) ชีวิตความเป็นคุณแม่ก็คือตอนนี้ปอล์กลัวคนเกลียดปอล์มากที่โพสต์รูปลูกทั้งวันเพราะเราไม่ได้ไปไหนเลยอยู่แต่กับลูกตลอด ถามว่าความรู้สึก ณ ตอนนี้ของปอล์เป็นยังไงบ้าง คือมันต้องเท้าความกลับไปตั้งแต่ช่วงที่นอนโรงพยาบาลเมื่อเดือนสิงหาคมเลยนะ ตอนนั้นเอาจริงๆ ปอล์ไม่กล้าดูรูปเด็กเลย ชุดที่ซื้อเตรียมไว้ให้เขาปอล์ก็ไม่กล้าแตะ คือไม่กล้าคาดหวังเลยด้วยซ้ำว่าปอล์จะได้อุ้มเขา แต่พอวันหนึ่งที่เขาคลอดออกมาตัวเขาเล็กเท่าขวดน้ำ ตอนนั้นปอล์ยอมรับเลยว่าปอล์ร้องไห้ทุกวัน แต่ตอนนี้คือน้ำหนักเขาขึ้นมาจะ 4 กิโลกรัมแล้ว เราเองก็มีความสุขมากขึ้น ได้มองหน้าเขาแล้วก็คิดในใจว่าในที่สุดมันก็มีวันนี้"

สุขภาพของน้องอลินตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
"เราค่อนข้างรู้สึกโชคดีตรงที่อลินกับอรัญเขาเกิดก่อนกำหนดแค่ 3 เดือน เพราะพอออกมาปุ๊ปเขาไม่ต้องใช้ออกซิเจนช่วย ปอดเขาแข็งแรง ไม่ต้องมีสายระโยงระยาง แต่อาจจะมีโรคลิ้นหัวใจของอลินนิดหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะถ้าน้ำหนักเขาขึ้นก็จะได้ทำบอลลูนประมาณต้นปีหน้า"

ตอนที่ทราบว่าน้องหัวใจไม่แข็งแรงเราตกใจมากไหม ?
"ตอนแรกก็เหมือนใจมันจะขาดนะเพราะเขาตัวเล็กมาก น้ำหนักเขาแค่พันเดียวคุณหมอจะรักษายังไง แต่พอตอนนี้น้ำหนักเขาขึ้น คุณหมอบอกว่าถ้าได้สัก 8 กิโลกรัมก็ทำบอลลูนได้แล้ว เราก็คิดบวกค่ะน้องเองก็สู้ด้วยเหมือนกัน"

ตอนนี้เราต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษบ้าง ?
"พิเศษทุกอย่างค่ะ เขาตื่นทุกๆ 3 ชั่วโมงเราก็ต้องดูแลเขาตลอดไม่ได้นอนเต็มๆ มานานมาดแล้วตั้งแต่มีลูก"

ช่วงที่เราต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลนิ่งๆ ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง ?
"ช่วงที่ปอล์นอนโรงพยาบาลทุกเช้าก็จะมีคนมาเช็ดตัวให้ ขับถ่ายอึฉี่บนเตียง สระผมอาทิตย์ละครั้ง กินก็ต้องนอนกิน และกฏคือทำน้ำหนักให้ได้มากที่สุดเพื่อลูก ตอนนั้นขยับไม่ได้เลยเพราะแค่จะขยับมานั่งให้ตัวเองอยู่ในมุม 90 องศา เลือดปอล์ยังออกเลย ออกแบบเต็มเตียงมากๆ เพราะปากมดลูกมันเปิด ซึ่งปอล์ต้องนอนอยู่อย่างนั้น 2 เดือนเต็มๆ และในวันคลอดปอล์ต้องลุกขึ้นยืนวินาทีที่เท้าเหยียบพื้นมันเหมือนเราถูกไฟช็อตจนล้ม ทุกวันนี้เวลาเดินก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเรานอนนานมาก"

ช่วงที่เราทราบครั้งแรกว่าน้องสองคนที่อยู่ในท้องไม่แข็งแรงตอนนั้นเป็นยังไง ?
"แย่มากค่ะ ปอล์ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดสิ่งนี้กับเรา วินาทีนั้นไม่มีใครการันตีได้เลยว่าลูกจะรอดหรือเปล่า ถ้าให้เราตายแทนก็ได้หรือให้เรานอนอีกเป็นปีก็ได้เพื่อให้ลูกเราแข็งแรง เราไม่สามารถมีความสุขกับอะไรได้เลยเพราะในหัวมันคิดอยู่เสมอว่าลูกจะเป็นยังไง วินาทีนั้นถ้าไม่มีพี่โอ๊คปอล์ตายแน่ พี่โอ๊คคือคนที่คอยเช็ดอึเช็ดฉี่พลิกตัวและอยู่กับปอล์ตลอด มือปอล์บวมมากจนไม่สามารถใส่แหวนแต่งงานได้เลย ถ้าไม่มีพี่โอ๊คไม่มีพ่อแม่ปอล์ตายแน่ๆ ค่ะ"

เห็นพี่โอ๊คบอกว่าช่วงที่หลายๆ อย่างกำลังวิกฤตเขาเองก็มีแอบร้องไห้อยู่หลายครั้ง เราทราบไหม ?
"ตอนที่ปอล์เป็นพี่โอ๊คสัมภาษณ์และเขาร้องไห้ ตอนนั้นปอล์รู้เลยว่าที่เขายิ้มเขาหัวเราะ หรือที่เขาอ่านหนังสือให้ปอล์ฟัง จริงๆ แล้วเขาเองก็แย่เหมือนกัน แต่เราก็ต้องประคองกันไว้ให้ได้ ถ้าไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ปอล์ก็คงไม่รู้ว่าปอล์ได้อยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดนั่นก็คือพี่โอ๊ค"

หลังจากนี้เราจะกลัวไปเลยไหมกับการมีลูก ?
"กลัวค่ะ ไม่เสี่ยงแล้ว แต่ก็รู้สึกดีใจที่ครั้งนี้เขามาพร้อมกันหญิงชาย ซึ่งปอล์ก็ถามคุณหมอนะคะว่าหากจะมีลูกครั้งหน้าเราต้องระวังอะไรบ้างไหม คุณหมอก็บอกว่าอาจจะต้องเย็บปากมดลูกและให้นอนเหมือนเดิม"

ตอนนี้ลูกฝาแฝดของเรากลายเป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนไปแล้ว ?
"อย่าคาดหวังอะไรกับลูกดิฉันเลย (หัวเราะ) ลูกสาวหน้าเหมือนปอล์มากจริงๆ ถึงเราจะไม่สวยมากแต่เราก็มีแอตติจูด ส่วนลูกชายก็ได้พ่อมาเลยค่ะ"

พี่โอปอล์พร้อมที่จะกลับมารับงานปกติอีกครั้งเมื่อไหร่ ?
"หลังเดือนมกราคมก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้วค่ะทั้งอีเว้นท์และรายการใดๆ เพราะปอล์เองก็คิดถึงงานเหมือนกัน"

แบบนี้เรื่องการเดินที่ยังมีปัญหาอยู่จะส่งผลอะไรกับงานไหม ?
"พี่คิดว่าพี่สู้นะคะ สู้นะ"

น้ำหนักขึ้นมามากกว่าเดิมเยอะไหม ?
"ตอนแรกขึ้นมา 17 กิโลกรัมค่ะ ช่วงที่เราต้องเพิ่มน้ำหนักและนอนกินอยู่ตลอด แต่ว่าตอนนี้ลดมาได้ 12 กิโลกรัมแล้ว ยังเหลืออีก 5 กิโลกรัมค่ะ (ยิ้ม)"

ส่วนตัวเราคิดว่าจะมีท้องที่สองอีกสักคนไหม ?
"ไม่อยากรับปากเลยเพราะปอล์ก็กลัวผีผลัก (หัวเราะ) ตอนนี้สองคนก็เลี้ยงให้ดีๆ ไปก่อน แต่ถามว่าทำหมันไหม ไม่ทำค่ะ (หัวเราะ)"

เครดิตภาพประกอบจาก Instagram @opalpanisara

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ ครั้งแรก!! โอปอล์ เล่าวินาทีซึ้ง ได้อุ้มลูก อลิน-อรัญ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook