ศธ.คุมเข้มนศ.ขายตัวผ่านเว็บสวนดุสิตโพลชี้68%เข้าไปดู

ศธ.คุมเข้มนศ.ขายตัวผ่านเว็บสวนดุสิตโพลชี้68%เข้าไปดู

ศธ.คุมเข้มนศ.ขายตัวผ่านเว็บสวนดุสิตโพลชี้68%เข้าไปดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รมช.ศธ.สั่ง ม.รัฐ-เอกชน อาชีวะคุมเข้มนักศึกษาขายตัวผ่านเว็บ เร่งปลูกฝังให้มีจิตสาธารณะ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เล็งชงเข้าหารือกับ กกอ. ด้าน สวนดุสิตโพล เผยนักศึกษากว่า 68% เคยดูเว็บนักศึกษาขายตัว ขณะที่ร้อยละ 40 เชื่อกระทบภาพลักษณ์ของนักศึกษา ด้านนายกสมาคมสถาบันอุดมเอกชนแห่งประเทศไทย โต้เช็กแล้วไม่ใช่ นศ.แค่ใส่เครื่องแบบเพิ่มค่าตัว ชี้เรียนเอกชนได้ไม่จำเป็นต้องขายตัว

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีกระทรวงวัฒนธรรม ออกมาเปิดเผยได้รับการร้องเรียนจากคนไทยในต่างประเทศว่า มีนักศึกษาไทยขายบริการทางเพศผ่านเว็บไซต์และไฮไฟว์เป็นจำนวนมากและเกรงจะกระทบภาพลักษณ์ประเทศว่าตั้งแต่มีข่าวออกมา 2-3 วันก่อนหน้านี้ได้แจ้งไปยังสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน และสถาบันอาชีวศึกษาผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ขอให้ช่วยกวดขันดูแลนักศึกษาไม่ให้มีการขายบริการทางเพศ คิดว่าปัญหานี้มีสาเหตุมาจากนักศึกษามีค่านิยมที่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ตามกระแสวัตถุนิยมและปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งกรณีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำนั้นทุกฝ่ายต่างเจอปัญหานี้ทั้งนั้น ดังนั้น นักศึกษาจึงต้องรู้จักหาทางออกที่เหมาะสม

"กรณีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจนั้น กระทรวงศึกษาธิการมีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)แก่นักเรียน นักศึกษา อยู่แล้ว ปีนี้ได้เสนอรัฐบาลให้ขยายฐานผู้กู้ โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 2-4 ที่กู้กองทุน กยศ.ไม่ได้ ในช่วงเรียนปีที่ 1 ก็สามารถกู้ได้และใช้งบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ส่วนปัญหานักศึกษามีค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยนั้น คงแก้ปัญหาโดยลำพังไม่ได้ แต่จะต้องร่วมมือกับทุกฝ่าย เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ช่วยกันปลูกฝังให้นักศึกษามีความรับผิดชอบมากขึ้น มีจิตสาธารณะและดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ทั้งนี้ จะนำปัญหานี้ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษาด้วย" นายชัยวุฒิกล่าว


ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) โดยสวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษากรณีนักศึกษาขายตัวผ่านเว็บไซต์ ที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,743 คน ระหว่างวันที่ 30-31 มกราคม 2552 พบว่าร้อยละ 68.67 ระบุ เคยเข้าไปดูเว็บไซต์ที่ขายตัว เพราะอยากรู้ว่ามีจริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกข่าว ขณะที่ร้อยละ 31.33 ระบุไม่เคยดู เพราะเป็นเรื่องลามกอนาจาร ไม่ดี ไม่สนใจ คงไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการแอบอ้าง

นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.80 ระบุ ไม่แน่ใจว่าการขายตัวในเว็บไซต์เป็นนักศึกษาจริง น่าจะเป็นการแอบอ้าง ร้อยละ 34.77 ระบุเชื่อ เพราะเคยลองโทรศัพท์ติดต่อได้ เคยใช้บริการ สภาพเศรษฐกิจไม่ดี นักศึกษาจำเป็นต้องใช้เงิน รักสนุก ขณะที่ร้อยละ 22.43 ไม่เชื่อ เพราะเป็นธุรกิจค้ากาม แอบอ้างเพื่อให้ได้ราคา เป็นนักศึกษาที่ออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.27 ระบุ ผลกระทบจากข่าวกรณีนักศึกษาขายตัวผ่านเว็บไซต์ กระทบภาพลักษณ์ของนักศึกษาโดยรวม ร้อยละ 29.20 กระทบชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย/สถาบัน ร้อยละ 12.39 กระทบกระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 11.53 กระทบความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย และร้อยละ 6.61 กระทบความเหลวแหลกของสังคมไทย

ด้าน รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และนายกสมาคมสถาบันอุดมเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อทราบปัญหาดังกล่าวไม่ได้นิ่งนอนใจได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีเบอร์โทรศัพท์ ชื่อ ที่อยู่ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ ปรากฏว่าไม่ใช่นักศึกษา กลับเป็นผู้หญิงขายบริการทั่วไป แต่อ้างเป็นนักศึกษา เพราะต้องการเพิ่มค่าตัว เมื่อนำเอาชื่อ สกุล ไปตรวจสอบตามมหาวิทยาลัยเอกชน ก็ไม่พบว่าเป็นนักศึกษา ทั้งที่ทุกมหาวิทยาลัยจะมีทะเบียนนักศึกษาทุกคนอยู่ หากรายชื่อดังกล่าวเป็นนักศึกษาจริง จะต้องตรวจสอบได้ในทะเบียนนักศึกษา แต่กรณีดังกล่าวไม่พบ มองว่าเป็นเรื่องของการแอบอ้างใช้ชุดนักศึกษาเพิ่มค่าตัวมากกว่า

"เราคงไม่ต้องไปนั่งแก้ปัญหานี้ ยิ่งแก้เหมือนยิ่งมีปัญหา ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว อีกอย่างเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ใช่นักศึกษาของเรา ไม่จำเป็นต้องไปนั่งแก้ นั่งแถลง อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้แอบอ้างเช่นนี้เพราะไม่มีรายได้ บวกกับพิษเศรษฐกิจตกต่ำ จึงพยายามหาทางที่จะหาเงินได้ง่าย และมากๆ จึงมาแอบอ้างเป็นนักศึกษา เรามหาวิทยาลัยเอกชนถูกกล่าวหาเรื่องนี้มาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้ว เด็กที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน ถือว่าพ่อแม่มีเงิน ฐานะปานกลาง คงไม่จำเป็นต้องไปขายบริการ อีกทั้งเมื่อทุกคนมีเงินแล้วใช้ของฟุ้งเฟ้อแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลก เพราะต่างมีเงินจับจ่ายหาซื้อของมาใช้อยู่แล้ว ข้อเท็จจริงมันไปด้วยกันไม่ได้ เพราะไม่ใช่เด็กมหาวิทยาลัยเอกชน" รศ.ดร.จีรเดช กล่าวทิ้งท้าย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook