Exclusive “หลิน Let Me in Thailand” ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/386/1933627/untitled-1.jpgExclusive “หลิน Let Me in Thailand” ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต

    Exclusive “หลิน Let Me in Thailand” ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต

    2016-01-18T21:36:28+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    กลายเป็นประเด็นและกระแสที่สังคมกำลังพูดถึงและให้ความสนใจไม่น้อยสำหรับรายการ "Let Me In Thailand" หลังจากที่เทปแรกออกอากาศไปเมื่อวันที่เสาร์ที่ผ่านมากับการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าของสาว "หลิน วงศ์ตะวัน ภานุประทีป" ผู้หญิงคนแรกของประเทศไทยที่ได้บินตรงไปศัลยกรรมหลังได้รับการคัดเลือกจากรายการ ณ ประเทศเกาหลี

    และจากชีวิตที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองสูงและถูกเพื่อนนำปมด้อยมาล้อเลียนเรียกว่าแก้วหน้าม้าทุกวันแทนชื่อเล่นจนทำให้สาวหลินกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ และหนักสุดนั้นไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับเพราะหน้าตาไม่ดี และเมื่อการศัลยกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนละคนแล้วนั้นยังมีอะไรอีกบ้างที่เปลี่ยนชีวิตของเธอ Sanook! News พร้อมแล้วที่จะนำตัวเธอมาเปิดใจแบบหมดเปลือก

    ปรับตัวไม่ทันหลังรายการออกอากาศ

    เป็นประโยคแรกที่สาวหลินเปิดใจกับทางทีมข่าวเราเพราะหลังจากที่รายการออกอากาศแล้วนั้น เธอเล่าว่า กระแสตอบรับที่ส่งตรงมาถึงเธอนั้นมาแบบล้นหลามทั้งเฟชบุ๊คและอินสตาแกรมนั้นมียอดฟอลโล่พุ่งขึ้นจนเธอรู้สึกตกใจ "หนูตกใจนะแบบว่าหนูปรับตัวไม่ทันทุกคนเข้ามาเยอะมากทีแรกหนูคิดว่าน่าจะไม่มีใครรู้จักขนาดนี้ คอมเม้นท์ส่วนใหญ่ก็เข้ามาให้กำลังใจพี่หลินสู้ๆ นะดูอยู่ อะไรแบบนี้พี่หลินพี่โชคดีมากเลยนะประมาณนั้นค่ะ"

    ไอ้เหยิน แก้วหน้าม้า คำล้อที่เจ็บที่จนพูดไม่ออก

    "เพื่อนเริ่มล้อหนูยังไม่รู้สึกตัวเองผิดปกตินะคะตอนนั้นแต่ก็เริ่มไม่มีความมั่นใจไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย ไอ้เหยิน แก้วหน้าม้า ครั้งแรกที่ได้ยินคือรู้สึกแบบเหยินจริงหรอ แล้วก็โดนล้อแบบนี้ไปจนถึงมหาลัยมันเลยเป็นปมให้หนูไม่มั่นใจไม่กล้าแสดงออก แล้วตอนประมาณ ป.6 ก็โดนเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเอาลิควิดไปเขียนบนโต๊ะเรื่องมันมีอยู่ว่าหนูงอนกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วกลายเป็นว่าเพื่อนไปหาพวกมารวมกลุ่มกันแล้วก็เขียนที่โต๊ะเลย รุ่งเช้าขึ้นมาก็เต็มโต๊ะเต็มเก้าอี้ไปหมดตัวใหญ่ๆ หนูเจ็บมากเลยตอนนั้นแต่หนูไม่ได้แสดงออกทำปกติแต่พอกลับไปที่บ้านก็น้ำตาตกบ่อยมาก แต่อยู่กับเพื่อนก็ทำปกติเวลาเพื่อนล้อหนูก็ทำเฉยทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ให้เพื่อนรู้ค่ะ" เธอเผยต่ออีกว่า

    "พีคสุดคือไปสมัครงานก็ไม่ได้ จริงๆ บ้านหนูก็ไม่ได้ยากจนมากแม่หนูจะเริ่มทำธุรกิจแล้วแม่เขาก็เอาเงินลงทุนกับทุกอย่างหมดเลยแต่ผลตอบรับกลับมามันไม่ได้เท่ากับที่เราทุ่มทุนไป ทำให้เงินที่บ้านหมุนไม่ทัน ตอนนั้นที่บ้านแบบลำบากสุดๆ ลำบากจนมองไม่เห็นทางแล้วไปเรียนก็สงสารแม่ไม่มีเงินให้ หนูก็เลยตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยตอนนั้นอยู่ปีสามเทอม

    ก็เลยจะไปหางานทำช่วยแม่แต่มันก็ตอกย้ำเข้าไปอีกแบบหนูไปสมัครงานใช้วุฒิ ปวช.เขาก็ให้เขียนใบสมัครทิ้งไว้แล้วก็บอกเดี๋ยวโทรเรียกแต่ก็เงียบหนูว่าที่เขาไม่รับหนูมันน่าจะเป็นเพราะบุคลิกหนูด้วย เพราะตอนที่ฟันหนูยื่นคือหนูไม่ยิ้มเลยไม่มีความมั่นใจพูดกับคนอื่นหนูก็ไม่สบตามันก็เลยเสียบุคลิกไปเลย หน้าเหมือนคนมีปัญหาอยู่ตลอดเวลาแบบหน้าไม่รับแขก แต่จริงๆ คือหนูไม่มีอะไรนะแค่ไม่กล้ายิ้มแค่นี้หนูก็พอจะรู้แล้วแหละหน้าตามันไม่เป็นมิตรกับใครเลย"

    ชีวิตเปลี่ยนเมื่อได้พบรายการ Let Me In Thailand

    "หนูเห็นประกาศทางเว็บไซต์ก็เลยลองสมัครดูไม่ได้หวังว่าจะได้นะแค่ลองเคยดูของเกาหลีก็เลยลองดู ก็รอประมาณสองเดือนเขาถึงติดต่อมาคัดเลือกรอบ 240 คน เห็น 240 คนนี้มาก็แบบโหไม่ได้แน่เลย หลายคนหนักกว่าหนูเยอะเลย ตอนนั้นเลยคิดดีแล้วที่เป็นแบบนี้เราดีกว่าคนอื่นแล้ว แม่หนูบอกหลินกลับเถอะลูกไม่ได้แน่เลยแม่บอกดูๆ คนอื่นที่เขาหนักกว่า แค่เคสหลินคุณหมอเขาสกรีนก่อนว่าทำได้หรือทำไม่ได้แล้วระยะเวลาในการทำอีกมันมีเวลาแค่ 3-4เดือน ทำออกมาแล้วมันจะเห็นผลหรือไม่เห็นผลซึ่งมันจะมี ข้อจำกัดของเวลาด้วย อายุด้วยจะสามารถผ่าตัดได้หรือไม่คือทุกอย่างมันก็จะมีแบบแผนในส่วนของที่คุณหมอเขาวางไว้"

    สารพัดความรู้สึก 8 ชั่วโมงในห้องผ่าตัด

    "ก็ตื่นเต้นดีใจแต่ไม่รู้สึกกลัวหนูอยากไปเกาหลีมากๆ ก็ต้องไปอยู่ที่นั้นสามเดือนใจตอนแรกอยากผ่าตัดเร็วๆ อยากเห็นหน้าตัวเองเร็วๆ พอจะผ่าจริงๆ กลัวไม่ตื่นกลัวหลับไปเลยเพราะขึ้นไปบนเตียงสั่นไปเลยคุณหมอก็บอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ตื่นแล้วเดี๋ยวก็สวยแล้วพอฟื้นขึ้นมาก็คิดถึงแม่เลยและหนูก็มีอาการแพ้ยา ยาที่ฆ่าเชื้อเขาหยอดไปหนูจะอาเจียนออกมาหมดเลยเหมือนร่างกายไม่ตอบรับยามันทรมานมากๆ นอนไม่ได้เลยแต่จริงๆ มันไม่เจ็บเลยเพราะมันชาไปทั้งหน้าแต่อาการที่มันทรมานคือมันพูดไม่ได้สำลักเลือดเพราะว่าแผลมันอยู่ภายในหมดเลยเลือดก็คลั่งรอบปาก

    และได้เห็นตัวเองหมอให้ดูกระจกหน้าหนูเลือดมั่นคลั่งมันช้ำไปหมดหนูนอนอ้าปากผ่าตัด 8 ชั่วโมงและความกลัวที่ตามมาคือกลัวหายไม่ทันแต่ก็คิดว่ามาถึงขนาดนี้ก็ต้องสู้และก็นึกไม่ออกด้วยหน้าตัวเองจะออกมาอย่างไรแต่จริงๆ หมอทำมาให้อย่างไงหนูก็ดีใจหมดไม่ได้คิดว่าออกมาสวยแค่ให้ฟันเข้าไปหนูก็ดีใจแล้วแค่เท่านั้น ก็มีผ่าตัดขากรรไกรตอนแรกหมอวางแผนว่าจะเอาแค่จากรรไกรบนเข้าไปแต่ว่าไปเปลี่ยนแผนในห้องผ่าตัดมันถึงต้องใช้เวลานานทั้งข้างล่างข้างบนเลยและก็ทำจมูกทำตาดูดไขมันที่คางเสริมคางและก็ดูดไขมันที่ต้นขาเอามาฉีดที่หน้าผากตามด้วยโบท็อกซ์ค่ะ"

    จากใจหลังจากชีวิตพลิกเปลี่ยน

    "ตอนนี้หนูก็ได้งานแล้วได้งานที่ร้านอาหารที่หาดใหญ่เป็นพีอาร์คอยต้อนรับก็อยากจะขอบคุณทางเวิร์คพ้อยท์รายการ Let Me In Thailand ที่มอบโอกาสและก็ทาง STM และคุณหมอทางโรงพยาบาลฮงจินจูที่คุณหมอเป็นคนเลือกหนู เลือกเคสนี้อยากจะผ่าเคสนี้และรู้สึกว่ามันก็ดีกว่าเมื่อก่อนแต่ก็ไม่ได้คิดว่าสวยและอยากจะบอกคนที่รู้สึกคล้ายๆ หนูถ้าทำได้นะก็อย่าไปสนใจอย่าเก็บมาคิดมาก เพราะคนที่อยู่ข้างๆ เราก็คือพ่อแม่เราคนอื่นมาพูดให้เราเสียความรู้เก็บมาก็ท้อแท้เปล่าๆ ค่ะ"

    และตลอดเวลาการสัมภาษณ์พูดคุยนั้นนอกเหนือจากเราจะได้รู้ความเป็นไปเป็นมาของเด็กสาวคนนึงที่ได้โอกาสดีๆ และสามารถพลิกชีวิตเธอแบบหน้ามือเป็นหลังมือแล้วนั้น เราสังเกตเห็นได้ว่ารอยยิ้มเธอที่เผยออกมานั้นปนไปด้วยความสุขที่ส่งออกมาทางสายตาแม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อยเพราะยังไม่ชินกับโฉมหน้าใหม่ของตัวเองก็ตาม

    อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

    อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ Exclusive “หลิน Let Me in Thailand” ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต