เศร้า "พังสำรวย" ช้างตกใจเสียงพลุจนป่วยล้มแล้ว ชาวเน็ตลุ้นทั้งคืน

เศร้า "พังสำรวย" ช้างตกใจเสียงพลุจนป่วยล้มแล้ว ชาวเน็ตลุ้นทั้งคืน

เศร้า "พังสำรวย" ช้างตกใจเสียงพลุจนป่วยล้มแล้ว ชาวเน็ตลุ้นทั้งคืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีชาวเน็ตแชร์ขอความช่วยเหลือในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้กับช้างเพศเมีย ชื่อพังสำรวย อายุ 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา ที่เกิดอาการป่วยหนักจนลุกขึ้นเดินไม่ได้ ซึ่งข้อความระบุว่าต้องการขอความช่วยเหลือให้หาหมอมารักษาช้างเบื้องต้น และต้องการรถเครนมายกช้างเพื่อนำไปรักษาต่อที่ จ.สุรินทร์

หลังข้อมูลถูกโพสต์ในเว็บไซต์โครงการช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ด้อยโอกาสไม่นาน ก็ได้รับการติดต่อจาก น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือ "หมอล็อต" นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งแนะนำเบื้องต้นว่า ให้จับช้างนอนตะแคง จากนั้นจึงให้สัตวแพทย์หญิงชนิกา บำรุงภักดี เจ้าของ รพ.สัตว์ทองหล่อ มาให้ยาและน้ำเกลือรักษาอาการเบื้องต้น ซึ่งสาวเน็ตต่างแสดงความชื่นชมทั้งหมอล็อตที่เป็นผู้ประสานงาน และหมอชนิกา ที่อาสาดูแลช้างแม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่ช้างล้มเป็นเพราะตกใจเสียงพลุเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเกิดอาการเซื่องซึมและล้มลง จนช่วงเช้าผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ และพยายามนำพังสำรวยวัย 50 ปี นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์ในจังหวัดสุรินทร์

คืบหน้าล่าสุด (6 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูลว่าทางพังสำรวยได้ล้มลงแล้ว โดยนายสุริยาพร้อมภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของช้าง กำลังนำพังสำรวยไปฝังยังวัดบางละมุง ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบพระครูสุวัฒน์ชลธาร เจ้าอาวาสวัดบางละมุง กำลังทำพิธีกรรมทางศาสนาในการฝังช้าง โดยนำพระภิกษุสงฆ์จำนวน 4 รูปมาสวดตามขนมทำเนียมแบบการฝังศพ

ส่วนหลุมฝังศพทางวัดได้ให้รถแบ็กโฮเล็กทำการขุดหลุมลงลึกก่อนนำพังสำรวยลงไปนอนแล้วนำดินกลบฝัง ส่วนทางวัดบางละมุงนั้นชาวเลี้ยงช้างที่นำมาอยู่พื้นที่เมืองพัทยาจะรู้ว่าเป็นวัดแห่งเดียวที่ทำการฝังศพช้าง และก่อนหน้านี้ทางวัดดังกล่าวมีพิธีขุดช้างเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับช้างเป็นการตอบแทนบุญคุณ ซึ่งนานนับสิบปีจะมีการจัดพิธีดังกล่าวขึ้นสักครั้งหนึ่ง

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ เศร้า "พังสำรวย" ช้างตกใจเสียงพลุจนป่วยล้มแล้ว ชาวเน็ตลุ้นทั้งคืน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook