โฆษกศาลระบุทพญ.เบี้ยวทุนต้องมาศาล14มี.ค.นี้

โฆษกศาลระบุทพญ.เบี้ยวทุนต้องมาศาล14มี.ค.นี้

โฆษกศาลระบุทพญ.เบี้ยวทุนต้องมาศาล14มี.ค.นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โฆษกศาลยุติธรรม ระบุ ทพญ. เบี้ยวคืนทุนมีหนี้กว่า 47 ล้าน ต้องมาศาล 14 มี.ค.นี้ หลัง ม.มหิดล ฟ้องศาลล้มละลายกลาง สั่งยึดทรัพย์ตามหนี้ - ให้เป็นบุคคลล้มละลาย

นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีล้มละลายที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ยื่นฟ้อง ทันตแพทย์หญิง ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รับทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ที่สหรัฐอเมริกา แล้วไม่ยอมกลับมาใช้ทุนคืน แต่กลับไปทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่สหรัฐฯ ว่าคดีดังกล่าว ม.มหิดล เป็นโจทก์ที่ 1 และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นโจทก์ที่ 2 ยื่นฟ้อง น.ส.ดลฤดี ผู้รับทุน เป็นจำเลย ต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 58 โดยมีมูลหนี้ทั้งหมดให้รับผิดตามสัญญา ซึ่งคดีล้มละลายนี้ สืบเนื่องจากเป็นคดีที่ศาลปกครอง มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว รวมยอดหนี้ทั้งสิ้น 47,853,435.88 บาท

โดยศาลได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 14 มี.ค. นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งฝ่ายโจทก์และจำเลยต้องมาศาลตามนัด ซึ่งหากจำเลยเดินทางมาศาลต่อสู้คดี ก็ต้องพิจารณาไปตามกระบวนการ แต่หากจำเลยไม่มา ศาลจะมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและดำเนินคดีไปฝ่ายเดียว ซึ่งศาลจะนำความจริงมาพิจารณาว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ และมีหนี้สินจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทหรือไม่ นายสืบพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อศาลพิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะมีคำสั่งว่าจะพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดต่อจำเลยหรือไม่ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการในเรื่องของการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ซึ่งในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ก็จะมีการประชุมเจ้าหนี้ แต่ถ้าเจ้าหนี้ไม่เห็นด้วยกับการประนอมหนี้ ศาลต้องพิพากษาให้จำเลยตกเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งจะมีผลย้อนหลังมาถึงวันที่พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook