ความสำเร็จของรัฐบาลไทย ในเวทีดาวอส

ความสำเร็จของรัฐบาลไทย ในเวทีดาวอส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ระยะเวลาประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นจากต่างชาติไปเป็นจำนวนมากอันเนื่องมาจากความไม่เรียบร้อยภายในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจ ดังนั้นภารกิจสำคัญสำหรับรัฐบาลนี้ก็คือ การเรียกคืนความมั่นใจ ความมั่นใจของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ถึงการเดินทางไปประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 30 มกราคม- 1 กุมภาพันธ์ นี้ โดยนายอภิสิทธิ์เล่าถึงการเดินทางไปประชุมครั้งนี้ว่า ก่อนเดินทางไปเมืองดาวอส ได้ลงเครื่องที่เมืองซูริค และเชิญเอกอัคราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยที่อยู่ที่ยุโรปและบางส่วนจากแอฟริกาเหนือมาร่วมรับฟังการทำงานของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้นำไปชี้แจงกับประเทศต่างๆในพื้นที่รับผิดชอบให้เข้าใจว่า ประเทศไทยกำลังเดินไปข้างหน้า และแก้ปัญหาต่างๆอย่างไร โดยเฉพาะสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ถือว่ากลับสู่ภาวะปกติ และมีรัฐบาลที่สามารถเดินหน้าทำงานผลักดันนโยบายแก้ปัญหาต่างๆได้ นอกจากนี้ ทูตและกงสุลใหญ่ได้สะท้อนให้รัฐบาลรับทราบท่าทีมิตรประเทศของไทยที่เริ่มเป็นบวก ทำงานเต็มเวลากว่า20ชั่วโมง นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเหตุผลที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ เพื่อต้องการทำความเข้าใจกับผู้นำทั้งรัฐและเอกชนทั่วโลกถึงการทำงานของรัฐบาลไทย รวมถึงความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจที่ดี และเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนและร่วมมือกับเราในการสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้ประชาชน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียืนยันถึงความทุ่มเทการทำงานไว้ว่า เวลาที่อยู่ที่ดาวอส 20 กว่าชั่วโมง ผมทำงานเกือบจะเต็มเวลา ยกเว้นช่วงนอนพักตอนกลางคืนเท่านั้นเอง เพียงคืนเดียวนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้วิกฤติศก.นอกรอบกับ 20 ผู้นำ การมีส่วนร่วมของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญ 2 ประเด็นใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งไทยได้ยืนยันถึงความสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ด้านการสร้างรายได้ ซึ่งขณะนี้การท่องเที่ยวของไทยช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาลดลง 20% เช่นเดียวกับทั่วโลกที่คนเดินทางลดลง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีก็ได้เน้นย้ำถึงจุดแข็งของไทยนอกจากสถานที่ท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องซึ่งมีศักยภาพอีกมาก ซึ่งปรากฎว่าผู้บริหารองค์กรที่ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวของโลกที่มาฟังอยากสนับสนุนไทย และจะได้หารือกับรัฐบาลต่อไปว่า อาจทำเป็นรายงานให้คนทั่วโลกทราบว่า ไทยแก้ปัญหาการเมืองและปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นได้แล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ในการฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวของไทย ชูศักยภาพไทยแก้วิกฤติอาหาร ส่วนอีกเวทีหนึ่งที่ได้ไปอภิปรายเป็นเรื่องปัญหาวิกฤตอาหาร ก็ได้มีการแสดงศักยภาพของไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญและเป็นประเทศที่ยังไม่ประสบปัญหานี้ พร้อมกับเรียกร้องให้หลายประเทศอย่าบิดเบือนปิดกั้นตลาด ซึ่งมีผลสำคัญต่อแรงจูงใจเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้การผลิตอาหารน้อยกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงการที่เราควรมีโอกาสได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีหรือทุน เพื่อให้ปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรได้ เชื่อว่าจากการอภิปรายจะสร้างประโยชน์ให้ภาคเกษตรของไทยมากขึ้น โดยขยายผลไปยังการหารือกับอาเซียน ที่จะหาความร่วมมือมาตรการทางการคลังเพื่อดูแลภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงเข้าเสนอเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตความมั่นคงอาหาร ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายบิล เกตส์ มหาเศรษฐีอเมริกัน และนายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ แม้ขณะนี้จะยังเห็นภาพไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความสำเร็จของรัฐบาลไทย ทว่าผลตอบรับที่ได้จากนานาประเทศ และโอกาสที่ได้เจรจาและแสดงวิสัยทัศน์กับผู้นำชาติอื่น ๆ ทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างภาพและความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศได้แล้วไม่มากก็น้อย หวังว่าหลังจากนี้ ความมั่นใจของต่างชาติจะสร้างความเข้มแข็งที่มากขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคม และการเมืองของประเทศ อันจะยังประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีกินดีกันถ้วนทั่วทุกคนต่อไปด้วย กนกวรรณ ขวัญคง : เรียบเรียง ชูชาติ เทศสีแดง : บรรณาธิการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook