ประวิตร ร่วมประชุมคกก.ชายแดนไทย-กัมพูชา

'พล.อ.ประวิตร' ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา กระชับความสัมพันธ์ทางกองทัพ ให้แน่นแฟ้นขึ้น ยัน ไทย - กัมพูชา เข้มดูแลความสงบชายแดน ด้าน เตีย บัญ ปัดปิดกั้นชมปราสาทพระวิหาร

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 11 ที่ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ โดยมีคณะผู้เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

อย่างไรก็ตาม การประชุม GBC เป็นการติดตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ซึ่งกำหนดให้จัดการประชุมร่วมปีละ 1 ครั้ง โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กองทัพไทย และกองทัพกัมพูชา มีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างกันอย่างแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ชายแดน มีความมั่นคง มีความสงบเรียบร้อย และร่วมมือในการพัฒนาระหว่างสองประเทศ ซึ่งที่ประชุมวันนี้ ได้แสดงความยินดี ในโอกาสครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และรับทราบความก้าวหน้าความร่วมมือระหว่างสองกองทัพ พร้อมทบทวนผลการดำเนินการโครงการต่าง ๆ อาทิ จุดผ่านแดนและการข้ามแดน ด้านแรงงาน การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือการจัดการคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.เตีย บัญ  แถลงข่าวร่วมภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 11 โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการรักษาความสงบและเสถียรภาพตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาทุกประการ โดยเฉพาะการรักษาความสงบและมั่นคง การพัฒนาพื้นที่ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่องในทุกเรื่อง และมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ขณะเดียวกันทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้มงวดในการผ่านแดนตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันผู้กระทำความผิดทั้งทางคดีการเมืองและทางอาญาหลบหนี แต่ยอมรับว่าดูแลได้ค่อนข้างยาก ส่วนเรื่องการพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ซึ่งต้องรอความชัดเจน

ขณะที่ พล.อ.เตีย บัญ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการปิดกั้นการเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร โดยทางกัมพูชา ดำเนินการกำหนดรูปแบบช่องทางไว้ ส่วนในเรื่องช่องทางจากประเทศไทยนั้น จะพูดคุยเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน