นายกรับรางวัลนิวเคลียร์ฯยันพร้อมร่วมสร้างสันติภาพ

นายกรับรางวัลนิวเคลียร์ฯยันพร้อมร่วมสร้างสันติภาพ

นายกรับรางวัลนิวเคลียร์ฯยันพร้อมร่วมสร้างสันติภาพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี รับรางวัลในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำในการกำจัดยูเรเนียม ระหว่างการะประชุมนิวเคลียร์ ยัน พร้อมร่วมสร้างสันติภาพ ปราบก่อการร้าย

พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน และรับรางวัล Nuclear Industry Summit Awards ระหว่างการประชุมระดับผู้นำ ว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 ในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำในระดับโลก ในการกำจัดยูเรเนียมไม่ให้มีอยู่ในประเทศไทย ร่วมกับ 17 ประเทศ อาทิ บราซิล ชิลี เดนมาร์ก เกาหลีใต้ เป็นต้น โดย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็น 3 ชาติอาเซียน ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนี้  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยัน รัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับประชาคมโลก ในการสร้างสันติภาพของโลก ที่ปราศจากภัยการก่อการร้ายจากอาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจน ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมกับผู้นำทั่วโลก ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางนิวเคลียร์ เพื่อรักษาโลกให้ปลอดภัยจากนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี และมิให้ตกอยู่ในการครอบครองของกลุ่มบุคคลไม่พึงประสงค์


นายกฯคุยบุคลากรการเงินยันให้ความสำคัญเบิกจ่ายงบฯ

พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือร่วมกับบุคลากรไทยที่ทำงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ในโอกาสร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 (Nuclear Security Summit) ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 1 เมษายน 2559 โดยบุคลากรไทยที่ทำงานกับ IMF และธนาคารโลก อ้างอิงการลงพื้นที่เพื่อจัดทำรายงานเศรษฐกิจพบว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตดีกว่าประมาณการณ์ เป็นผลมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อการลงทุน และการเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาวการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก ในส่วนของไทยได้ให้ความสำคัญในการติดตามเฝ้าระวัง ปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเร่งเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมมาตรการรองรับเรื่องต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างความเข้มแข็งของประเทศโดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเบิกจ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม เร่งปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ ปรับโครงสร้างการนำเข้า - ส่งออก รักษาอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้ค่าเงินที่อยู่ในระดับที่เหมาะสม

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญในการเบิกจ่ายงบประมาณ ทั้งงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน และงบประมาณตามภารกิจสร้างความเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลางกับภูมิภาค ทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาและโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ภายใต้แนวทาง “ประชารัฐ”  ว่า เป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนรายใหญ่จำนวน 13 กลุ่ม เพื่อดึงภาคประชาชน เอกชน และรัฐบาล มาช่วยกันลงทุนพัฒนาประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ ประเทศไทยต้องปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น 


นายกฯคุยบุคลากรIMFมั่นใจประเทศเดินหน้า

พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวกับบุคลากรไทยที่ทำงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ว่า ไทยเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่ทุกประเทศต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งในระดับทวิภาคีและไตรภาคีและความร่วมมือระดับกลุ่มประเทศทั้งกลุ่ม G77 และความร่วมมือเอเชีย ACD เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ และเพิ่มอำนาจต่อรองระหว่างประเทศ 

ตลอดจนย้ำว่า ประเทศมีเสถียรภาพ คนไทยมีศักยภาพ และมั่นใจว่าประเทศยังสามารถเดินหน้าต่อไปหากคนไทยทุกคนช่วยกัน โดยรัฐบาลจะพยายามส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกของคนไทย ให้มีคุณธรรม เพราะการทำความดี คือ การสร้างประโยชน์ต่อตนเองและส่วนร่วม และขอให้ทุกคนร่วมมือกันทำในสิ่งที่ดีเพื่อประเทศชาติ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook