ตำรวจโต้ "คดีน้องสโนว์" จับแพะ จ่อเอาผิดคนโพสต์กล่าวหา

ตำรวจโต้ "คดีน้องสโนว์" จับแพะ จ่อเอาผิดคนโพสต์กล่าวหา

ตำรวจโต้ "คดีน้องสโนว์" จับแพะ จ่อเอาผิดคนโพสต์กล่าวหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่ "น้องสโนว์" หญิงชั้น ม.6 ชาว อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบแล้วถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลง เพื่อหวังข่มขืน แต่เจ้าตัวต่อสู้จนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต กระทั่งตำรวจต้องใช้ความพยายามรวบรวมพยานหลักฐานนานกว่า 100 วัน เนื่องจากหลักฐานบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์

จนนำไปสู่การเข้าจับกุม นายกฤติเดช อายุ 34 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และศาลไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากหวั่นเกรงความปลอดภัยของพยานและผู้เสียหาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด (11 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากมีคนโพสต์เฟซบุ๊กและแชร์กันต่อ เพื่อพยายามสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนและสังคมเข้าใจผิด ว่า การจับกุมนายกฤติเดช ผู้ใหญ่บ้านบ้านสีถานนั้นเป็นการจับแพะ เพียงเพื่อต้องการเลื่อนยศตำแหน่ง

พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีพลเมืองดีแจ้งและส่งข้อมูลเข้ามาว่ามีคนและกลุ่มบุคคลพยายามสร้างสถานการณ์ โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค ระบุว่า การจับกุม นายกฤติเดช ผู้ใหญ่บ้านบ้านสีถานนั้นเป็นการจับแพะ ยัดเยียดข้อหา เพียงเพื่อต้องการเลื่อนยศตำแหน่งเท่านั้น

โดยตำรวจชุดคลี่คลายคดีทั้งหมดยังขอยืนยันและย้ำว่า การจับกุมครั้งนี้ ตำรวจมีพยาน หลักฐานครบและแน่นเพียงพอ ทั้งรอยกัดที่นิ้ว รอยข่วนตามร่างกาย และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ และหลักฐานอื่นๆ จนกระทั่งขอหมายจับจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ จนนำไปสู่การจับกุมตัวได้ดังกล่าว

พล.ต.ต.อภิชิต กล่าวอีกว่า สาเหตุที่คดีนี้ล่าช้าและใช้เวลานานกว่า 100 วันนั้น เนื่องจากหลักฐานบางอย่าง โดยเฉพาะการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ 2 สองคัน ทั้งรถของคนร้ายและรถของน้องสโนว์จะต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องใช้เวลาเปรียบเทียบสี ส่วนรอยกัดที่นิ้วจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียด จนทราบผลว่าเป็นรอยฟันของมนุษย์ ไม่ใช้รอยกัดของสัตว์ ซึ่งต้องใช้เวลาเช่นกัน

ส่วนพยานของคดีในเบื้องต้นนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านยังไม่กล้าออกมาให้การเป็นพยาน เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพลของผู้ใหญ่บ้านและกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งตำรวจจะต้องใช้ความพยายามและสร้างความมั่นใจ กระทั่งมีชาวบ้านเต็มใจออกมาเป็นพยาน

ดังนั้นตำรวจจึงขอย้ำอีกครั้งว่าการจับกุมผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้ไม่ใช่การจับแพะ และได้กำชับให้สภ.กมลาไสยรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่โพสต์ข้อความใส่ร้ายและหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ สำหรับความคืบหน้าของคดีขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบพยานเพิ่มเติมเสร็จแล้ว และกำลังเร่งสรุปสำนวนคดีส่งอัยการในเร็วๆนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook