ป.ป.ช.เข้าพบวิษณุหารือแนวทางปรับปรุงกฎหมาย

ประธาน ป.ป.ช. เข้าพบรองนายกฯ 'วิษณุ' หารือปรับปรุงแก้กฎหมาย เคลียร์คดีค้างเก่า ยังไม่ชัดเจนโอนคดีทางวินัยให้ตนสังกัดสอบเอง อ้างความเห็นทีมกฎหมาย ถอนฟ้องคดีสลายชุมนุมปี 51 ได้

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในการเตรียมแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญกรณีผ่านประชามติ โดย พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวภายหลังเข้าพบว่า ป.ป.ช. ต้องเตรียมความพร้อมแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช. หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ทั้งยังได้หารือถึงแนวทางในการทำงาน เนื่องจากขณะนี้คดีที่ค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. มีจำนวนมาก เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ จึงอาจต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนแนวคิดที่จะให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเฉพาะคดีอาญา ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวินัยมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานดำเนินการเองนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะแนวคิดดังกล่าวเกิดจากพบว่าการทำคดีทั้งสองส่วน ต้องใช้เวลายาวนาน ส่งผลให้การไต่สวนล่าช้า จึงควรทำเฉพาะคดีอาญาเป็นหลัก แต่ทุกฝ่าย รวมถึง กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ กลับต้องการให้ ป.ป.ช. ทำต่อ ซึ่งก็ไม่มีปัญหา   

นอกจากนี้ พล.ต.อ.วัชรพล เปิดเผยถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จำเลยในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ต.ค. 51 ร้องขอความเป็นธรรม พร้อมแสดงหลักฐานใหม่ในคดีต่อ ป.ป.ช. ให้พิจารณาถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า คณะกรรมการจึงได้ตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายไปศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการรายงานกลับมาว่าสามารถดำเนินการได้ จากนี้จึงต้องมาดูพยานหลักฐานใหม่นั้นมีเหตุมีผลเพียงหรือไม่ ที่ ป.ป.ช. จะมีมติให้ถอนฟ้อง ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างวิเคราะห์ประเด็นที่จำเลยขอความเป็นธรรม ซึ่งหากดำเนินการถอนฟ้องก็จะไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีที่อยู่ในชั้นศาลฎีกาฯ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ป.ป.ช. เป็นผู้ฟ้องคดีถ้ามีเหตุผลก็สามารถยื่นเรื่องต่อศาลได้ แต่จะถอนฟ้องได้หรือไม่ เป็นอำนาจของศาล ส่วนตัวไม่หนักใจ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย