มิน พีชญา ขอพูด..ดราม่ากองกระเป๋าหรู ยอมรับซื้อมาหลายใบ

ถือว่าเป็นอีกวันดีๆ สำหรับนางเอกสาว "มิน พีชญา" เพราะวันคล้ายวันเกิดของปีนี้ (28 เมษายน 2559) สาวมินได้ชวนครอบครัวและแฟนคลับ ร่วมเลี้ยงอาหารว่างเด็กๆ ที่มูลนิธิบ้านนกขมิ้น ซึ่งงานนี้เจ้าตัวยังได้ถือโอกาสชี้แจงถึงกรณีดราม่ากระเป๋าหรูให้ฟังว่า ซื้อตามจำนวนที่ลงรูปไว้จริง แต่ยังอยู่ที่ต่างประเทศและไม่สามารถนำกลับมาได้ เนื่องจากเธอต้องรีบบินกลับมาถ่ายละครต่อ

พร้อมกับยอมรับว่า ทางกรมศุลกากร โทรติดต่อเรียกเข้าคุยประเด็นนี้ จึงได้อธิบายตามที่บอกกับทุกคน ส่วนที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาพูดเพราะ คิวงานแน่นมาก ทั้งยังยืนยันหากจะไปนำกระเป๋าเข้าประเทศ ตั้งใจทำทุกอย่างตามกฎหมายอยู่แล้ว พร้อมขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ และเป็นห่วง

"วันนี้ก็เป็นวันเกิด เป็นอีกวันดีๆ ที่มีโอกาสได้มาทำบุญกับครอบครัวนะคะ เรียกว่าเป็นวันว่างวันเดียวของเดือนนี้ ล็อควันไว้เพื่อที่จะได้มาทำบุญในวันเกิด จริงๆ มินทำทุกปีอยู่แล้วค่ะ จะเลือกสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก วันนี้ดีใจค่ะ เห็นน้องๆ กินอาหารอย่างอร่อย"

มีแจกทุนการศึกษาให้น้องๆ ด้วย?
"ใช่ค่ะ เราก็บริจาคเงินให้กับน้องๆ ในเรื่องของการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตด้วย บางทีสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ เราก็อย่าไปคิดว่ามีคนช่วยเยอะแล้ว ใครมีกำลังก็ช่วยๆ กันไปค่ะ"

ได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากคุณพ่อหรือยัง?
"จริงๆ คุณป๋าก็จะให้เรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสพิเศษอะไร คือบ้านมินจะไม่ค่อยมีของขวัญพิเศษอะไรให้กันเท่าไหร่ในช่วงโอกาสพิเศษ เพราะให้กันตลอดปีอยู่แล้ว คือวันเวลาของมินจะผ่านไปเร็วมากในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี เพราะฉะนั้นเราจะไม่ได้มานั่งคิดว่าจะได้อะไร ส่วนใหญ่เราก็จะซื้อเองค่ะ"

โตขึ้นเราก็ดูมุ่งมั่นในเรื่องการทำธุรกิจมากขึ้น?
"ใช่ค่ะ มินก็โตขึ้นทุกปี แต่ละปีก็จะมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน ปีนี้ก็จะมุ่งเป้าไปเรื่องธุรกิจมากขึ้น"

นอกจากป๋าแล้ว คนพิเศษมีให้อะไรบ้างหรือยัง?
"เพื่อนเหรอคะ(ยิ้ม) ยังไม่มีให้อะไรมากค่ะ ต้องบอกก่อนว่าวันเกิดปีนี้เป็นปีที่มีอะไรให้ทำเยอะ ไม่ว่าจะถ่ายละคร หรือโฆษณา เรายังมีเรื่องพิเศษที่ปีนี้ต้องทำมากขึ้น"

มีส่งข้อความมาบ้างไหม?
"ข้อความเยอะค่ะ ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากข่าวมันดังมากเนอะ ทุกคนเลยรู้ว่าเป็นวันเกิดของมิน(หัวเราะ) ก็มีการอวยพรอย่างต่อเนื่องในอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนกับเขาคนนั้นก็มีเป็นปกติค่ะ เขาจริงใจ และเป็นเรื่องที่ดี"

เย็นนี้จะไปดินเนอร์ที่ไหนหรือเปล่า?
"วันนี้เป็นวันอยู่กับครอบครัวค่ะ ส่วนใหญ่วันจริงจะอยู่กับครอบครัวทุกปี ถามว่าคนนี้ผ่านไหม ป๋าให้แล้วแต่ลูกตัดสินใจ ลูกว่าคนไหนก็คนนั้น มีเจอกันบ้าง เพราะเขาก็เข้าทางผู้ใหญ่ แต่ยังไม่ไฟเขียว ด่านเยอะค่ะ(หัวเราะ) ใจเย็นนะคะ"

สำหรับเรื่องกรณีดราม่ากระเป๋าหรู เรามีเรื่องอยากชี้แจงอะไรบ้าง?
"มินต้องเรียนก่อนนะคะ ว่ามินไม่คิดว่าเรื่องจะมาไกลขนาดนี้ และข่าวมันได้ถูกพัฒนามาด้วยตัวมันเอง โดยที่ยังไม่มีใครฟังคำพูดจากปากมิน ระหว่างที่เกิดข่าวขึ้นมินถ่ายละครอยู่ที่เขาใหญ่ มีพยานหลักฐานทุกอย่างว่ามินอยู่ที่นู้น และระหว่างที่เรื่องดำเนินมาถึงวันนี้มินก็ทำงานทุกวัน เพราะฉะนั้นเราเลยยังไม่ได้ทีโอกาสออกมาชี้แจง เพราะมินต้องรับผิดชอบในงานทุกงานที่รับเนอะ"

"มินต้องถึงกอง 7 โมงเช้า แน่นอนว่าต้องตื่นตีห้าครึ่ง และออกจากบ้านหกโมง คือมันรันทุกวันจนดึก เราเลยไม่มีเวลาที่จะออกมาชี้แจงตรงนี้ แล้วไม่ต้องการที่จะออกมาพูดทีละสำนักข่าว เพราะเนื่องจากว่าที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้มินเห็นแล้วว่า การพัฒนาของข่าวมันเป็นไปโดยไม่ได้ฟังคำพูดจากมินเลยแม้แต่นิดเดียว ต้องยอมรับว่ามันพัฒนาไปได้มากจนมินตกใจจริงๆ"

"มินเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกแล้วกันว่า มินได้มีการไปเที่ยว และไปดูในเรื่องของธุรกิจที่สิงคโปร์ และมีผู้ใหญ่หลายท่าน ไปกับเพื่อนหลายคน การเดินทางไปก็ราบรื่นปกตินะคะ มีเวลาสักชั่วโมง สองชั่วโมงค่ะ ที่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวบ้าง เลยคิดว่าซื้อของขวัญให้ตัวเองสักนิดคงไม่ผิดอะไร ก็อย่างที่เขียนแคปชั่นใต้ภาพ เราซื้อของจริงทุกอย่างตามที่ได้ลงและเห็นกันทุกคน สิ่งที่เกิดขึ้นวันไป มินเอากระเป๋าไปใบเดียว และเป็นไปไม่ได้ที่มินจะเอาของทุกอย่างกลับมาในประเทศเนอะ หลังจากที่ไปเช้าวันแรกและบินกลับมาวันที่สอง คือไปที่สองวัน วันต่อมามินต้องบินมาถ่ายละครแต่เช้า เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่มินจะเอาของกลับมา มินไม่ได้เอาของกลับมาทั้งหมด"

วันนั้นซื้อกระเป๋าไปกี่ใบ?
"ตามที่เห็นในรูปเลยค่ะ คงไม่ต้องมานั่งแจกแจงขนาดนั้น เพราะในรูปชุดเจนทุกอย่าง เรามีการซื้อจริงทุกอย่าง แต่ไม่ได้มีการนำกลับมาเลย ไม่สามารถนำกลับมาได้ในวันนั้น เพราะของเยอะมากจริงๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้นำกลับมาตั้งแต่เกิดเรื่องนะ มินเอากระเป๋าไปแค่ใบเดียวแล้วต้องรีบบินกลับมาด้วย พี่ๆ ที่ไปก็ไม่ได้บินกลับมาพร้อมมิน"

"คือทุกคนไม่ฟังอะไรมินเลย และพัฒนาข่าวไปด้วยตัวเอง มินเซอร์ไพรส์มากที่มันไปไกลมากจริงๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องมินไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ แต่ถ้าต้องออกมาชี้แจง มินก็ต้องทำหน้าที่ของคนของสังคมอยู่แล้ว และในระหว่างนี้ก็ไม่ต้องสงสัยค่ะถ้ามินจะนำกลับเข้ามา ก็ต้องรอเวลาบินกลับไป จริงๆ แล้วคิดว่าถ้ามีเวลาจะบินกลับไปเร็วๆ นี้ ถ้ากลับมาเอาของกลับเข้ามาก็ต้องเสียภาษีตามกฎหมายทุกอย่างในฐานะที่เราเป็นคนไทยอยู่แล้ว"

มูลค่ากระเป๋าทั้งหมดประมาณเท่าไหร่?
"ตามที่เห็นเลยค่ะ มันก็มีมูลค่าของมันอยู่แล้ว"

ช่วงที่เป็นข่าว เห็นมีกระแสว่ากรมศุลกากรเรียกเราเข้าไปพบด้วย?
"มีปกติค่ะ มินไม่ได้มีอภิสิทธิ์ชนเหนือผู้ใดในประเทศไทยนะคะ ตอนที่มินเข้ามา ต้องเรียนแจ้งว่าบินลงสนามบินดอนเมือง และไม่ได้เข้าช่องลึกลับใดๆ ทั้งสิ้น มินเดินผ่านออกมาตามระเบียบของสนามบินทุกอย่าง ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ชน และยืนยันว่ากรมศุลกากรไม่ได้ทำงานขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว เขาก็ทำหน้าที่ของเขา เขาก็มีติดต่อมาค่ะ ในเมื่อข่าวมันออกมาแบบนี้ แล้วทุกคนยังต้องการคำตอบ ก็ได้มีการชี้แจงไป เราก็พูดแบบนี้เลย"

เรายืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย?
"แน่นอนค่ะ ถึงได้ไม่กังวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รูปทุกอย่างอยู่ที่ต่างประเทศหมดเลยค่ะ มินไม่สามารถนำกลับมาได้จำนวนมากขนาดนั้นแน่นอนในกระเป๋าแค่นั้น"

ระหว่างที่เกิดเรื่องเราเครียดไหม?
"ไม่เครียกค่ะ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด และพร้อมออกมาชี้แจงทุกเมื่อ แต่ขอให้มีเวลาว่างก่อน เพราะต้องยอมรับว่าระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้น มินมีคิวงานที่แน่นมากทุกวัน และมีพยานหลักฐานในทุกที่ที่มินอยู่"

ตั้งใจจะนำกระเป๋ากลับมาเมื่อไหร่?
"ตอนแรกเราพยายามที่จะเซทวัน แต่เนื่องจากว่ามันมีความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความล้าช้าในการทำงานของมิน ต้องยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้การทำงานของมินล่าช้าลง เพราะต้องออกไปชี้แจง ตอนนี้เลยยังไม่มีกำหนดเพราะคิวงานมินเยอะขึ้น ตอนนี้คิวต่างๆ ถูกแทรกมาเยอะมาก เราต้องเปลี่ยนตารางใหม่หมดเลย"

เจอแบบนี้เข้าไป ขยาดต่อการโพสต์ลงรูปอีกไหม?
"ไม่หรอกค่ะ มินมองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเรา และมันก็เป็นความสุขของเรา จริงๆ มินก็มีความสุขนะที่มินได้โพสต์(หัวเราะ) มินมองว่ามันเป็นแค่ครั้งเดียวในปีนี้ ที่มินได้มีโอกาสซื้อของ"

เสียใจไหมที่ถูกจับผิด?
"ไม่เสียใจหรอกค่ะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ทำให้มินเติบโตขึ้นอีกปีหนึ่ง ไม่ว่ามันจะมาด้วยสิ่งใด ความเข้าใจผิด หรือใดๆ ก็ตาม มันทำให้มินเติบโตขึ้นอีกปี และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็ต้องขอบคุณสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ เพราะมินไม่ได้มองเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรตั้งแต่แรก แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจมินด้วย รวมถึงเพื่อนๆ และครอบครัวทุกคน เรียกว่าโทรศัพท์สายไหม้ทีเดียว(หัวเราะ) ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ แต่ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตตามปกติ"