คดีอุ้มฆ่าเสี่ยเมืองกรุง ตำรวจพบพิรุธพ่อ-น้องชายต่างแม่

เผยทีมอุ้มฆ่าเสี่ยเมืองกรุง ใช้รถคนใกล้ชิด เตรียมเรียกพ่อและน้องชายสอบ หลังพบก่อนหายตัวไปพบบิดาเพื่อเอาส่วนแบ่งทรัพย์ที่ขายที่ดิน 115 ล้าน

ความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ที่ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันฆ่า นายภาสพล อายุ 48 ปี ที่ถูกพบศพข้างทางสายสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์-สกลนคร เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา

(8 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้าย จนพบภาพในกล้องวงจรปิดทั้งที่บ้านของคนตาย และตามจุดที่คนตายลงไปกดเงินในตู้เอทีเอ็ม โดยที่บ้านของผู้ตายนั้นภาพวงจรปิดชัดเจนในเรื่องยานพาหนะที่คนร้ายอุ้มคนตายไป แต่ไม่สามารถเผยรายละเอียด สี ยี่ห้อ ทะเบียนได้

ส่วนวงจรปิดตามตู้เอทีเอ็มนั้นก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยคนร้าย ที่ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงถึงตัวคนบงการหรือคนที่เกี่ยวข้องในการอุ้มฆ่านายภาสพล

พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 เผยว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อนหากคนในครอบครัวให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากว่า ก่อนที่นายภาสพลจะหายตัวไปนั้น ได้เข้าไปพบบิดาที่โรงพิมพ์ เพื่อไปเอาส่วนแบ่งที่บิดาขายที่ดินไปจำนวน 115 ล้านบาท

ผู้ตายจะได้ส่วนแบ่งหลังใช้หนี้ต่างๆ แล้ว 10 กว่าล้าน แต่ก่อนที่จะเข้าไปพบบิดา นายภาสพลโทรศัพท์บอกภรรยาให้ตามไปที่โรงพิมพ์ ภรรยาก็ตามไป เมื่อภรรยาไปถึงโรงพิมพ์ กลับพบว่านายภาสพลถูกชายฉกรรจ์แต่งกายทะมัดทะแมงควบคุมตัวเอาไว้ โดยบิดาและน้องชายต่างมารดายืนดูอยู่

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า ขณะนี้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกบิดาและน้องชายต่างมารดาของนายภาสพลมาสอบสวนด้วย เพราะใครก็ตามที่มีชื่ออยู่ในเหตุการณ์ก่อนที่นายภาสพลจะหายตัวไปจะต้องถูกเรียกสอบสวนทั้งหมด เพื่อหาตัวคนร้ายที่อุ้มฆ่านายภาสพล

ฉะนั้นคนในครอบครัวจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย รวมทั้งจะต้องตรวจสอบรถของคนในครอบครัวและรถคนสนิทกับคนตายด้วย เนื่องจากว่า รถที่เป็นยานพาหนะในการอุ้มนายภาสพลนั้นน่าจะเป็นรถของคนใกล้ชิดคนตาย เป็นไปได้ว่าเจ้าของรถคันนี้มีส่วนได้เสียหากนายภาสพลตาย

และในวันอังคารที่จะถึงนี้ชุดสืบสวนจะต้องสรุปผลการสืบสวนทั้งหมดในทุกประเด็น หากประเด็นใดไม่มีน้ำหนักก็จะตัดออก เพื่อให้การสืบสวนแคบลง และหากผลสรุป รวมทั้งหลักฐานต่างๆ พร้อม ก็จะขอศาลออกหมายจับ