แม่ไม่เชื่อพ่อข่มขืนลูก ลั่น! ไม่เผาศพน้องจนกว่าได้ข้อพิสูจน์

ญาติผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีข่มขืนเด็กหญิงวัย 8 ขวบ วอนคนในสังคมอย่าฟังความข้างเดียว หลังพ่อของเด็กรับสารภาพแล้ว ขณะที่แม่เด็กไม่เชื่อว่าพ่อข่มขืนลูกตัวเอง ยืนยันจะรอตรวจดีเอ็นเออย่างเป็นทางการ

วันที่ 25 พ.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ถูกบังคับให้ดื่มน้ำผสมยาเสพติด แล้วถูกข่มขืนกระทำชำเราจนเสียชีวิต ในพื้นที่ ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง จนนำไปสู่การควบคุมตัวพ่อของเด็ก ที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล

โดยตำรวจนำตัวไปสอบสวนและฝากขัง ก่อนที่ผู้ต้องหาจะก่อเหตุใช้เชือกกางเกงผูกคอตัวเองภายในห้องขัง หวังฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ จนพ้นขีดอันตราย

ซึ่งเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ภรรยาของผู้ต้องหา และเป็นแม่ของเด็กที่เสียชีวิต ได้เข้าเยี่ยมอาการสามีที่โรงพยาบาลตรัง พร้อมเปิดเผยว่าสามีมีอาการเครียดจัด และยืนยันกับตนว่าไม่ได้ทำ แต่ที่สารภาพกับตำรวจเพราะถูกกดดัน จนทำให้ตัดสินใจคิดสั้นไปแบบนั้น

ทั้งนี้ จะขอรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดก่อน โดยยืนยันว่าเชื่อในคำพูดของลูกก่อนเสียชีวิต เพราะตนเองถามย้ำต่อหน้าพยาบาล ว่าใช่พ่อหรือไม่ที่เป็นคนทำ ซึ่งลูกบอกว่าไม่ใช่ คนที่ทำตัวโตกว่าพ่อ เหตุใดจึงไม่เชื่อคำให้การของเด็กก่อนเสียชีวิต พร้อมยืนยันจะยังไม่เผาศพน้องอย่างแน่นอน จนกว่าจะได้ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริงได้

ขณะที่ทางญาติพี่น้องของ "นายเฟิร์ส" ผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มั่นใจว่านายเฟิร์สเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกใส่ร้าย และไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะขอประกันตัวนายเฟิร์ส ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ เพราะขณะนี้คนร้ายซึ่งเป็นพ่อของเด็ก ก็ยอมรับแล้วว่าก่อเหตุจริง

ที่ผ่านมาครอบครัวของตนเองถูกสังคมประณาม สาปแช่ง ได้รับความเสียหายมากแล้ว จึงอยากฝากให้คนในสังคมวิเคราะห์พิจารณาในการรับข่าวสารต่างๆ ว่าเท็จจริงอย่างไร และอยากให้มีสติมากกว่านี้ พร้อมขอขอบคุณตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายที่แท้จริงได้