ศาลอุทธรณ์ยืนให้อดีตผจก.ไทยพาณิชย์คืนเงิน20ล.

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ให้อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ ชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหาย 20 ล้านบาท

ศาลแพ่ง นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ นางสาวเอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นบุคคลทุพพลภาพ ยื่นฟ้องธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ นายถนอมศักดิ์ ชลิตังกูล อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระรามสี่ ฐานผิดสัญญาเงินฝากและละเมิดเรียกค่าเสียหาย กว่า 127 ล้านบาท ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายถนอมศักดิ์ ชดใช้เงินคืน นางสาวเอื้อมบุญ ผู้เสียหาย 20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง 28 กันยายน 2555 และให้จ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

นายวันชัย ศรีสันติธรรม ทนายความของ นางสาวเอื้อมบุญ ระบุว่า ในส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ถอนฟ้องไปแล้ว เนื่องจากมีการเยียวยาผู้เสียหาย และตามกฎหมายพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนถือว่าคดีสิ้นสุด แต่หากจำเลยจะยื่นฎีกา ต้องให้ผู้พิพากษาเซ็นอนุญาตฎีกา และสำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก นางสาวเอื้อมบุญ ได้ขายที่ดินย่านสุขุมวิท เมื่อปี 2550 ในราคากว่าร้อยล้าน โดยมอบอำนาจให้ นายถนอมศักดิ์ อดีตผู้จัดการธนาคารเป็นผู้นำเงินไปฝาก เนื่องจากไว้วางใจ และ นางสาวเอื้อมบุญ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนมาทราบภายหลังเมื่อปี 2555 ว่าเงินหายไปจากบัญชี จึงเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม พบว่าน่าจะมีนักธุรกิจด้านบันเทิง เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผ่านมากว่า 4 ปี คดีไม่มีความคืบหน้าและตำรวจระบุว่าอยู่ระหว่างสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งคดีเหลืออายุความเพียง 1 ปี

ส่วน นายถนอมศักดิ์ ทราบว่า ที่ผ่านมาเปลี่ยนชื่อเป็น นายวรเศรษฐ์ ภาณุพงศ์สิน และถูกจำคุก 3 ปี 6 เดือน คดีถึงที่สุดแล้ว ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในกรณีเดียวกันนี้ และใกล้ครบกำหนดปล่อยตัวเดือนกรกฎาคม จึงอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีเพื่ออายัดตัวดำเนินคดีต่อ
 
นางสาวเอื้อมบุญ กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง ทั้งโรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง พร้อมฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอความเป็นธรรมในคดีอาญาที่กองปราบปรามอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากคดีล่าช้า