เจ้าของโรงงาน แจงดราม่าใช้ “ฟองน้ำ” ทำเป็น “เฉาก๊วย”

โรงงานเฉาก๊วยดังเมืองอ่างทอง ยืนยันผลิตถูกต้อง ไม่ได้ใช้ฟองน้ำทำเป็นเฉาก๊วย หลังเป็นดราม่าในโลกออนไลน์ ชี้ลูกค้าจัดเก็บไว้ไม่ถูกวิธี

จากกรณีที่ได้มีลูกค้าคนหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ซื้อเฉาก๊วยจากห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่งมาเพื่อไว้รับประทาน ก่อนที่จะนำมารับประทานนั้น ได้แช่ใส่ในตู้เย็นไว้ 2 วัน เมื่อถึงวันที่ 3 ได้นำออกมารับประทาน และพบว่าเฉาก๊วยนั้นมีลักษณะเหมือนฟองน้ำรับประทานไม่ได้ กลายเป็นประเด็นข่าวโด่งดัง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยัง โรงงานผลิตเฉาก๊วยดังกล่าว เพื่อเข้าพบกับ นายพรชัย สำราญรื่น ลูกชายเจ้าของโรงงาน โดยที่ผู้ผลิตยินดีให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบขั้นตอนการผลิตต่างๆ เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นและปลอดภัยของสินค้า ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล

นายพรชัย กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวนั้น ทางโรงงานได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ถูกกล่าวหาว่าเฉาก๊วยนั้นเป็นของปลอมบ้าง ทำไม่ได้มาตรฐานบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว ทางโรงงานมีการดูแลระบบการผลิตเป็นอย่างดี แต่ตามที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวมานั้น นอกจากทางโรงงานตนจะเสื่อมเสียแล้ว ยังส่งผลถึงตัวแทนจำหน่ายด้วย

ที่ผ่านมา ทางโรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สาเหตุที่ทำให้เฉาก๊วยเป็นเช่นนั้น เกิดจากผู้บริโภค จัดเก็บไม่ถูกวิธี เพราะเฉาก๊วยที่มีคำแนะนำให้เก็บไว้ในอุณหภูมิ 0-4 องศาฯ เท่านั้น หากนำไปแช่ในช่องฟิตนานๆ เฉาก๊วยจะกลายเป็นน้ำแข็ง และเมื่อนำออกมาวางทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ น้ำแข็งก็จะละลายออกไป แต่เฉาก๊วยจะไม่คืนสภาพเดิม จึงทำให้เกิดเป็นฟองอากาศเหมือนฟองน้ำได้

ทั้้งนี้ หากลูกค้าเก็บเฉาก๊วยเอาไว้ในอุณหภูมิที่กำหนดก็คงไม่เกิดปัญหาแบบนี้ ส่วนเฉาก๊วยที่แช่แข็งแล้วกลายคล้ายฟองน้ำนั้น สามารถรับประทานได้ไม่มีอันตรายใดๆ แต่จะแลดูไม่น่ากินเหมือนเฉาก๊วยธรรมดาเท่านั้น

นายพรชัย ยังกล่าวต่ออีกว่า อยากให้ทางลูกค้ามั่นใจในสินค้าและกระบวนการผลิตของโรนงงาน เนื่องจากโรงงานได้ได้รับใบรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ นายพรชัย ยังได้นำเฉาก๊วยที่แช่แข็งไว้เอามาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดูว่า เฉาก๊วยนั้นเป็นเหมือนในสื่อบางสื่อได้นำเสนอไปว่าเป็นเฉาก๊วยปลอมหรือไม่ ซึ่งเมื่อนำมาแกะดูแล้วปรากฏว่าเฉาก๊วยที่แช่แข็งเป็นเหมือนฟองน้ำจริงๆ แต่บางส่วนที่ความเย็นยังไม่ถึงนั้นก็ยังคงเป็นสภาพเป็นเฉาก๊วยธรรมดา

ทางผู้ผลิตเฉาก๊วยยังได้ออกมาพูดอีกว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ทางผู้ผลิตได้ออกมาชี้แจงทางเฟสบุ๊กให้ทราบไปแล้ว และได้แจ้งความดำเนินคดีเอาเรื่องที่เผยแพร่เป็นเท็จ จนทางผู้ผลิตเสียหายมาแล้ว ครั้งนี้ตนยังไม่แจ้งความอะไร แต่ตอนนี้หากมีผลทำให้ผู้ผลิตเสียหายมากไปกว่านี้ ก็อาจจะต้องเข้าไปแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่นำเสนอข่าว และผู้บริโภคที่นำเสนอข่าว ทำให้ผู้ผลิตเกิดความเสียหายได้