เก้าจิรายุควงแม่แถลงโดนผจก.โกงเงิน7หลักแจ้งความแล้ว

เก้าจิรายุควงแม่แถลงโดนผจก.โกงเงิน7หลักแจ้งความแล้ว

เก้าจิรายุควงแม่แถลงโดนผจก.โกงเงิน7หลักแจ้งความแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักแสดงหนุ่ม 'เก้า จิรายุ - แม่ก้อย' ควงทนายแถลงโดนผู้จัดการโกงเงิน 7 หลัก ระบุแจ้งความแล้ว วอนเข้ามาคุย

หลังจากที่ถูกอดีตผู้จัดการส่วนตัวฉ้อโกงเงินไปมากกว่า 7 ล้านบาท สำหรับหรับหนุ่ม "เก้า จิรายุ" และ "แม่ก้อย" เนื่องจากเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจคู่กรณีมากเกินไป ถึงขั้นลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน และยังถูกหลอกอีกมากมาย ล่าสุดวันนี้ (31 พ.ค.59) ประมาณ 15.30 น. ทางหนุ่มเก้าและคุณแม่พร้อมทนาย "ว่าที่ร้อยตรี มงคลวิจิตร์ ธนโสภณ" มาแถลงตั้งโต๊ะแถลงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยหนุ่มเก้าเปิดเผยว่า

"มีผู้หญิงคนหนึ่งครั้งแรกที่รู้จักเขามาจ้างงานผม เป็นอีเว้นท์สำหรับแบรนด์ของเขา นั่นคือตอนแรกที่รู้จัก ประมาณ 3 ปีกว่า ๆ เขาจ้างไป 2 - 3 ครั้ง ผมไม่ได้คุยเยอะ เขาจะสนิทกับแม่ก่อน คุยเรื่อยๆ และชวนแม่ทำธุรกิจ ในส่วนของตัวผม เขาจะมีอะไรที่ทำให้เราเอ๊ะใจหน่อย ๆ เขาจะพูดบางเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของแม่ และอ้างว่าแม่ไม่อยากให้เรารู้ เราฟังก็ดูแปลกมาก พอมาคุยตอนหลังที่เราเคลียร์กับแม่ เขามาพูดแบบเดียวกับแม่เหมือนกัน ทำให้ผมกับแม่ไม่ได้คุยกันเลย ส่วนใหญ่มาจากเรื่องที่เขาพูดกรอกหูตลอด ทำให้เรากับแม่มีปัญหาตลอด ผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆ ผมมีปัญหากับแม่แบบไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ทำให้ไม่คุยกับแม่เลย คือเรื่องที่เขามาคุยกับเรา แต่สุดท้ายผมยังไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าเขาไม่ดี จนมีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเริ่มมาคุยกับเรา เราเริ่มค่อยๆ รู้ พอทุกอย่างกระจ่างเราก็ต้องเชื่อแล้ว ก็ปรึกษาทางทนายให้ดำเนินตามกฎหมาย ก็ต้องบอกให้คนอื่นรู้ วันนี้หลักๆ อยากบอกว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ทำงานกับผู้หญิงคนนี้ จะแนะนำว่าเขาเป็นพี่สาว เพราะเขาบอกให้แนะนำจะได้มีความน่าเชื่อถือ ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นลูกคนเดียวนะครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด พ้นสภาพจากการเป็นผู้จัดการแล้ว จากนี้ถ้ามีการดิวงานจากคนนี้ไม่เกี่ยวกับผมและแม่ครับ มีอันหนึ่งที่ผมรู้ว่าน่าจะใช่คือเขาจัดการวงดนตรีผมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าวโปรโมท ห้องซ้อม เขาจัดการ เราก็เชื่อใจครับ เขาบอกว่าต้องใช้เงินประมาณนี้ แต่ใช้จริงไม่ถึง ตัวอย่างเช่น ใช้เงินล้านห้า แต่จริงๆ ใช้แค่เจ็ดแสน เรื่องนี้มันเป็นเหมือนบทเรียนที่เกิดขึ้นและทำให้เราได้เรียนรู้ พอเราเคลียร์ทุกอย่างจบแล้วก็ทำให้ผมกับแม่เข้าใจกัน

ทางแม่ก้อยกล่าวว่า "ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เก้าจะเข้ามหาวิทยาลัย เราเลยรู้สึกว่าน้องทำงานมานาน ถ้ามีธุรกิจจะมาช่วยซัพพอร์ตน้อง ยังไม่เกี่ยวกับการรับงาน และอยู่ๆ เขาก็มาบอกว่ามีปัญหา เจออีกคนหนึ่งที่ร่วมโกง เขาก็เชื่อใจ ไม่ได้คิดอะไร แต่วันหนึ่งเขามาบอกว่าบริษัทเขามีปัญหา เจอตรวจสอบ และบอกบัญชีอยู่ในบริษัทเอาออกมาไม่ได้ เราก็เชื่อใจ และรอเงินมาเรื่อยๆ พอวันหนึ่งแม่เจอกระแสข่าวว่าแม่มีปัญหากับการรับงานเขา ใช้จุดนี้มาบอกและช่วยดูแลให้ เราจะได้ไม่มีปัญหา เขาเริ่มดูงานให้มาเรื่อยๆ เราก็ไว้ใจ เชื่อใจ เริ่มดูแลเต็มๆ มาปีกว่าไม่เกินสองปี เรื่องรับเงินปกติ เพราะเก้าจะรับเงินผ่านบริษัทเก้า จิรา มาตลอด เพราะดูแลเก้าอยู่แล้ว

เริ่มเกิดปัญหาเพราะอะไร ยกตัวอย่างเช่นเรื่องป่วย เขามาบอกแม่ว่าแม่ต้องไม่บอกเก้านะ ว่าเขาป่วย และเขาบอกเขาป่วยต้องสั่งยาจากต่างประเทศหลายแสน เราก็ช่วยเหลือเขาออกเงินให้ก่อน เงินที่สูญเสียทั้งหมดจากลงทุนธุรกิจค่ะ และก็เรื่องการรักษา เขาไม่ได้บอกว่ายืม แต่เขาจะบอกว่าเขากำลังจะตายค่ะ เขาบอกหาเงินมาได้เป็นล้านก็ต้องรักษาหมด รวมๆ แล้วก็ 7 หลัก เราก็ช่วยออกก่อน ตอนต้นปีเราเริ่มไม่คุยกับเก้า เราก็ถามเขาว่าบริษัทที่ปิดตัวได้สมุดบัญชีหรือยัง เขาบอกยาวๆ เลยค่ะ และช่วงนั้นเป็นช่วงที่เก้าออกเพลง เราเลยพยายามลืมเรื่องนั้นไปก่อน แต่ก็มีเหตุให้ผู้ใหญ่ในวงการมาเตือน เขาบอกได้ข่าวว่าทำงานกับคนนี้เหรอ เราก็ยังเชื่อใจว่าเขาไม่ได้โกหก ประวัติที่ทราบมา เราทราบจากตัวเขา ไม่ได้เช็กเลยค่ะ ที่บอกผู้ใหญ่บอกก็เริ่มตรวจสอบ คือเรายังกลัวอยู่ว่าถ้าตรวจสอบแล้วไม่จริง ความไว้ใจก็จะไม่มี แต่ผู้ใหญ่ก็เอาหลักฐานมาให้ ครั้งแรกเรายังไม่เชื่อ แต่ต้องเชื่อด้วยหลักฐานทุกอย่าง จากหน้าเป็นหลังเลยค่ะ เขามีคดีเป็นคดีทั้งอาญาและแพ่ง มีแบล็กลิส และที่เขาบอกเรามีเงินอยู่ก็ไม่มี พอทราบเรื่องเราก็ปรึกษาผู้ใหญ่ว่าทำยังไง ต้องให้เก้าเชื่อก่อน ผู้ใหญ่ก็พาเก้าไปคุย รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปแล้ว พอเขาไปเรามาปรึกษากันว่าต้องทำยังไง แก้ไขยังไง มีอยู่คำหนึ่งที่เราคิดได้ เป็นคำเดียวเลยว่าไว้ใจ เราจะโดนเก้าพูดมาตลอดว่าทำอะไรอยากให้ไว้ใจคนอื่นบ้าง เราก็เลยลองไว้ใจเขาดู

นอกจากนี้ ทางทนายได้กล่าวเสริมอีกว่า "เรื่องเงินเป็นส่วนหนึ่งที่เรารวบรวมหลักฐานอยู่ ว่าส่วนไหนมีเรื่องโดยตรงและอ้อมๆ ที่คุณแม่เก้าไม่รู้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำคนเดียว แต่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย ผมให้ทั้งสองท่านนี้ไปลงบันทึกประจำวันด้วย มีของทั้งมีค่าและไม่มีค่าที่อยู่ที่ออฟฟิศเก้า ก็ขอให้มานำคืนด้วยครับ เขาขอเข้ามาอาศัยในออฟฟิศเลย รวมๆ เงินที่นำไปก็เยอะอยู่ครับ แต่ขอรวบรวมหลักฐานก่อนครับ ยังบอกไม่ได้ ตอนนี้เราอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เราอยากให้เขามาคุย ทั้งสองไม่ค่อยอยากให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ถ้าไม่เข้ามาเคลียร์ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายๆ ไป เขาดำเนินการ 2 - 3 คน เลยครับ ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook