บุกบ้านฆ่าโหดพ่อค้าหอยทอด พบข้อความขู่ให้เอากระเป๋ามาคืน

คนร้ายบุกบ้านฆ่าโหดพ่อค้าหอยทอด ใช้เทปกาวพันปากแล้วจับแขวนคอบนขื่อ พบจดหมายขู่ให้เอากระเป๋ามาวางคืนที่เดิม

(7 มิ.ย.) ร.ต.อ.อมร ตฤษอัญฌา ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งว่ามีเหตุบุคคลผูกคอเสียชีวิตภายในบ้าน ถนนอู่ทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่า 2 ชั้น ที่บริเวณชั้นล่าง พบศพนายธนธรรม อายุ 49 ปี อาชีพพ่อค้าขายหอยทอดภายในศูนย์อาหารตลาดสดโคกมะตูม

สภาพศพใช้เชือกในล่อนสีเขียวยาวกว่า 30 เมตรผูกคอกับขื่อบ้าน ชั้นล่าง และที่ปากผู้ตายพบเทปกาวสีน้ำเงินพันรอบปากและศีรษะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชม. บริเวณที่เกิดเหตุยังพบรอยเท้าคาดว่าจะเป็นคนร้ายปีนเข้ามาทางหน้าต่าง จำนวนหลายจุด นอกจากนี้ยังพบจดหมายข่มขู่ ระบุว่า "ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เอากระเป๋ามาวางไว้ที่เดิม คืนนี้" อีกทั้งยังพบใบแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ว่าถูกข่มขู่จากผู้ไม่ประสงค์ดี เมื่อช่วงวานที่ผ่านมา อยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วย

หลังจากตรวจที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 6 พิษณุโลก เข้ามาตรวจที่เกิดเหตุอย่างระเอียด เนื่องจากคาดว่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางคดี พร้อมกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่เกิดเหตุ โดยทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่คาดว่าจะตกไว้ในที่เกิดเหตุ อย่างละเอียด

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยงัดหน้าต่างด้านหลังบ้านเข้ามา เนื่องจากมีร่องรอยเท้า จากนั้นก็บังคับข่มขู่และจับผู้เสียชีวิตไว้ พร้อมใช้เทปกาวปิดปาก เพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง ก่อนจะลงมือใช้เชือกผูกคอนายธนธรรม จนเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนสาเหตุ คาดว่าน่าจะมาจากหลายสาเหตุ อาจเป็นเรื่องของเงินกู้รายวัน หรือไม่ก็กระเป๋าปริศนา ที่ผู้ตายอาจจะเก็บได้และภายในกระเป๋าอาจมีสิ่งของผิดกฎหมาย จึงมีการข่มขู่ตามจดหมายในที่เกิดเหตุ

ซึ่งในวันที่ 6 มิ.ย. เวลาประมาณ 09.30 น. นายธนธรรม ได้โพสข้อความในเฟซบุ๊กของตนเองด้วยข้อความและรูปภาพ ว่า "เซงเลย ตื่นมาเจอ สานส์จากด้านมืด (เดาเอา) กระเป๋าอะไรของพวกแกวะ ไม่รู้เรื่องด้วยเน้อ เอามาวางผิดบ้านหรือเปล่า เครียดแต่เรื่องทำมาหารับประทานจ้า ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฏหมายฉันไม่ยุ่ง เชิญป้ายหน้าคับ"

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง พร้อมกับเร่งหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป