กลุ่มปชต.ใหม่ยันเดินหน้าประท้วงคำสั่งคสช.

กลุ่มปชต.ใหม่ยันเดินหน้าประท้วงคำสั่งคสช.

กลุ่มปชต.ใหม่ยันเดินหน้าประท้วงคำสั่งคสช.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ร้อง คสช. นายกฯ ทำประชามติอย่างเป็นธรรม ยัน เดินหน้าประท้วงต่อการใช้คำสั่ง คสช. ต่อไป

กลุ่มนักศึกษาและนักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ พร้อมเพื่อนและผู้สนับสนุน เข้าเยี่ยม 7 นักศึกษา - นักกิจกรรม ที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากกรณีการลงพื้นที่บางพลีเพื่อแจกเอกสารรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ชุมนุมเกิน 5 คน ข้อหาผิด พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 61 และข้อหาตามคำสั่ง คมช. ที่ 25/2549 ไม่ยอมทำการพิมพ์ลายนิ้วมือในชั้นพนักงานสอบสวน

โดยวันนี้นับเป็นวันที่ 3 แล้ว ที่ทั้ง 7 คน ถูกขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยล่าสุดทุกคนยังถูกขังอยู่ในแดน 1 แต่มีการจับให้แยกอยู่กันคนละห้องขัง และถูกใช้ให้ทำงานหนัก เช่น นักโทษคดีอุฉกรรจ์ ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 7 คน ยังคงสถานะเป็นผู้ต้องสงสัย ที่ศาลยังไม่ได้พิพากษา และปกติจะไม่ถูกใช้ให้ทำงานหนัก ซึ่งส่วนตัวทั้ง 7 เห็นว่าเป็นความพยายามของทางเจ้าหน้าที่ เพื่อกดดันให้ขอประกันตัว และยุติการต่อสู้ ส่วนด้านสุขภาพ มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 2 - 3 ราย

ทางด้าน นายรังสิมันต์ โรม นักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และหนึ่งในผู้ต้องขัง ได้ฝากคำถามจากในเรือนจำ ไปถึงนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ว่าเหตุใดกลุ่มที่รณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญ จึงสามารถทำได้โดยไม่มีความผิด แต่กลุ่มของพวกตนที่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ กลับต้องถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ทั้งนี้ ยังขอเดินหน้ายืนยันกระทำอารยะขัดขืน เพื่อประท้วงต่อการใช้คำสั่ง คสช. และการแจ้งข้อหาที่ไม่ชอบธรรมกับพวกตนต่อไป

พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ ยังได้ฝากข้อความไปถึง คสช. และนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การไล่จับกุมผู้รณรงค์ต่อการลงประชามติเช่นนี้ ไม่นับเป็นผลดีและยิ่งทำให้ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ พร้อมเรียกร้องให้ คสช. ทำให้ประชามติมีความเป็นธรรม ให้ทุกฝ่ายสามารถรณรงค์ได้อย่างเสรี เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้

 

ทนาย7น.ศ.จ่อยื่นคำร้องคันค้านฝากขังผัด2

กลุ่มเพื่อนของนักกิจกรรมทั้ง 7 ราย จากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้ออกมาจัดกิจกรรมเพื่อให้กำลังใจเพื่อนที่ป้ายหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยการปล่อยลูกโป่งหนึ่งชุด แต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ กลับเข้าทำการแย่งยึดลูกโป่งเอาไว้ พร้อมแจ้งว่าการจัดกิจกรรมปล่อยลูกโป่ง อาจเข้าข่ายความผิดตามคำสั่ง คสช. ได้ จากนั้นจึงเข้าทำการตรวจค้นกระเป๋าของ นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา สมาชิกกลุ่มดาวดิน โดยได้ยึดสติกเกอร์ที่มีข้อความ NO ไปจำนวนหนึ่ง ทำให้ทั้งสองฝ่ายจึงมีปากเสียงกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยุติภารกิจการตรวจยึดและปล่อยให้กลุ่มนักกิจกรรมเดินทางกลับได้ โดยไม่มีการควบคุมตัวเอาไว้

ทางด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความของนักศึกษา-นักกิจกรรมทั้ง 7 ระบุว่า จากการพูดคุยกับลูกความ ทั้งหมดเห็นว่าการกระทำของพวกตนนั้น เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนไปร่วมกันใช้สิทธิ์ลงคะแนนในการประชามติ โดยมีข้อมูลประกอบจากทั้งฝ่ายขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และกรรมการการเลือกตั้งเอง จึงยืนยันว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามมาตรา 7 ใน พ.ร.บ.การลงประชามติ และไม่ควรเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใด

ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี นักกิจกรรมทั้ง 7 ยืนยันว่า ความผิดของพวกตน ไม่ใช่อำนาจของศาลทหาร แต่เป็นอำนาจของศาลพลเรือนโดยแท้ ซึ่งทั้ง 7 ก็ยินดีที่จะร่วมในกระบวนการของศาลพลเรือนในทุกประการ ส่วนในการฝากขังผัดต่อไป ทีมทนายความก็จะเตรียมยื่นคำร้องคัดค้านฝากขังเอาไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพนักงานสอบสวนจะใช้เหตุผลใดในการขออำนาจฝากขังต่อในผัดที่สอง


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook