'จตุพร พรหมพันธุ์' เชื่อดีเบต 'สุเทพ' ประชาชนรับรู้รายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น ยัน 7 สิงหาคมไม่เกิดประชามติ เชื่อ ไม่มีปท.ใดสนับสนุนปท.เผด็จการ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าว ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมมีมติว่ามาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ส่วนตัวยังเชื่อว่าวันที่ 7 สิงหาคม วันลงประชามติจะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะหากดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ประชาชนคงจะตัดสินใจไม่ยาก ว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบกับการจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ดีเบตกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เชื่อว่า ประชาชนจะได้รับรู้รายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวเชื่อว่า หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านจะเกิดการยกเลิกพรรคการเมืองทุกพรรค เปิดให้มีการย้ายพรรคได้อย่างเสรี ไม่มีเงื่อนไข และเชื่อว่าจะไปไม่รอดเหมือนเช่นในอดีต เพราะประชาชนไม่ไว้วางใจพรรคทหาร หลังจากการรัฐประหาร
ส่วนกรณีที่นักศึกษา และนักกิจกรรม 7 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้น นายจตุพร ได้เรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจอย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นการปลุกให้ทุกคนเห็นถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ หากผู้มีอำนาจมีดวงตาที่ไม่เห็นธรรม ฉะนั้นขอให้คิดว่าไม่มีใครสามารถมีอำนาจได้ตลอดไป มีแต่จะเสื่อมอำนาจลงไป อยู่ที่จะเลือกว่าเสื่อมอำนาจในวันที่มีเกียรติหรือในวันที่ไม่เหลืออะไรเลย
นายจตุพร ยังกล่าวถึง การเลือกสมาชิกไม่ถาวรของ UNSC ที่ประเทศไทยแพ้ต่อประเทศคาซัคสถาน ว่า ประเทศไทยใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท ในการหาเสียงเพื่อให้ได้เข้าเป็นสมาชิกของ UNSC แต่กลับไปแพ้ประเทศเกิดใหม่อย่างประเทศคาซัคสถาน และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือประเทศจีน และรัสเซียสนับสนุนประเทศคาซัคสถาน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลพยายามแสดงความเหนือชั้นทางการทูตด้วยการไปจับมือกับจีน และรัสเซีย เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา แต่ได้รับบทเรียนสำคัญว่า ประเทศมหาอำนาจเขาไม่ได้มองผลประโยชน์ทางการทูตเพียงชั้นเดียว และเขาไม่เสี่ยงมีปัญหากับสหรัฐ ฯ เพื่อประเทศไทย ส่วนตัวเห็นว่าประเทศไทยไม่ควรเข้าแข่งขันแต่แรก ในขณะที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นการเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น และเชื่อว่าไม่มีใครสนับสนุนประเทศที่เป็นเผด็จการ
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุว่า ไม่มีใครให้ลงจากตำแหน่งได้ เว้นแต่ประชาชนไม่อยากให้ทำจะเลิกนั้น ขอแนะนำให้ พลเอก ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งคำถามพ่วงเพิ่มอีก 1 คำถาม ว่า อยากให้ พลเอก ประยุทธ์ บริหารประเทศต่อไปหรือไม่ เพื่อจะได้รู้ว่าประชาชนนิยมในตัวของ พลเอก ประยุทธ์ จริง ตามผลโพลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ออกมาระบุว่า ประชาชนสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ ถึงร้อยละ 99.5 เพราะหากประชาชนนิยมในตัว พลเอก ประยุทธ์ จริง จะส่งผลให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติตามไปด้วย
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะประชุมต้านทุจริตแล้วระบุว่า ต่างชาติชื่นชมประเทศไทย โปร่งใสที่สุดในรอบ 10 ปีนั้น ประธาน นปช. ถามกลับนายกรัฐมนตรีว่า ชาติไหนที่มองประเทศไทยแบบนั้น พร้อมทวนความจำการทุจริตในกองทัพ อาทิ การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที200 การใช้งบประมาณขององค์การทหารผ่านศึกในการขุดลอกคูคลอง และเหตุการณ์อึมครึม อย่างงบประมาณการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และได้ย้ำอีกว่า ประเทศไทยควรยื่นคำร้องขอเยียวยากับศาลอังกฤษกรณี จีที200 ไม่ใช่มีข้ออ้าง