ภาพนาทีชีวิต เก๋งหลับในพุ่งลงคลอง จนท.ช่วยนานถึง 2 ชั่วโมง

ภาพนาทีชีวิต เก๋งหลับในพุ่งลงคลอง จนท.ช่วยนานถึง 2 ชั่วโมง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีระทึก เก๋งหลับในพุ่งตกลงคลอง ถนนราชพฤกษ์ คนขับติดอยู่ในรถจมน้ำออกไม่ได้ กู้ภัยใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าจะสำเร็จ เพราะรูปร่างเป็นอุปสรรค

(9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปภาพกล้องวงจรปิดจาก นางสาวโสภา เจ้าของร้านกล้องวงจรปิดและจานดาวเทียม ANS Sale&Service. Co.,ltd เป็นภาพเหตุการณ์รถยนต์นิสสัน เทียน่า พุ่งเสียหลักตกคลองระบายน้ำ บริเวณริมถนนราชพฤกษ์ ฝั่งขาออก เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (8 ก.ค.) โดยที่กล้องหน้าร้านบันทึกเอาไว้ได้ชัดเจน

ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์คันดังกล่าว เมื่อเวลา 03.22 น. ระหว่างที่ขับมาตามถนนราชพฤกษ์ และได้วิ่งข้ามเลนออกมานอกเส้นทาง จนกล้องตัวที่ 2 จับภาพนาทีที่รถหลุดออกจากถนน พุ่งลงไปในคลองระบายน้ำ ผู้ขับขี่ติดอยู่ภายในซากรถ ไม่สามารถออกมาได้ จึงเปิดหน้าต่างรถพยายามโพกมือและกระพริบไฟขอความช่วยเหลือ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที มีรถบรรทุกที่ขับผ่านได้จอดข้างทางและเดินลงไปดูเหตุการณ์ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จึงได้โบกรถคันอื่นให้เข้าช่วยเหลือ จากนั้นจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือ

แต่เนื่องจากรถยนต์คันที่เกิดเหตุ ประตูถูกอัดติดไว้ และผู้ได้รับบาดเจ็บมีรูปร่างใหญ่ จึงไม่สามารถนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจใช้รถลาก ลากรถคันเกิดเหตุขึ้นมาจากคลองและเข้าทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่ง รพ.นนทเวช ได้เมื่อเวลา 04.55 น. โดยใช้เวลาในการช่วยเหลือนานเกือบ 2 ชั่วโมง

จากการสอบถาม เจ้าของร้านที่บันทึกภาพไว้ได้ บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนนอนหลักพักผ่อนอยู่บนตึก สามีได้บอกว่าเกิดเหตุรถเสียหลักตกคลองที่บริเวณใกล้เคียงหน้าร้าน จึงได้ลงมาดู จากนั้นได้กลับเข้าไปดูกล้องวงจรปิด ก็เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

เบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองข่อย ทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายติ่งศักดิ์ อายุ 46 ปี ขณะเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก รพ.ศิริราช เพื่อจะกลับบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี และเกิดหลับใน ทำให้รถเสียหลักตกลงไปในคลองดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อติดต่อสอบถามไปยัง รพ.นนทเวช ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส หายใจติดขัด หน้าอกมีร่อยรอยการกระแทก เจ้าหน้าที่จึงนำตัวเข้ารักษาที่ห้องไอซียูและให้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา อาการยังไม่ปลอดภัย 100% จึงทำให้ยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook