นักการเมืองพออ้าปาก...ก็เห็นแต่ "เลือกตั้ง"

นักการเมืองพออ้าปาก...ก็เห็นแต่ "เลือกตั้ง"

นักการเมืองพออ้าปาก...ก็เห็นแต่ "เลือกตั้ง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานการณ์ทางการเมืองก่อนจะมีการลงประชามติรับ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.... ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

บรรดานักการเมือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีผลได้เสียโดยตรงในแง่ของการเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อใช้อำนาจรัฐเมื่อมีรัฐธรรมนูญ และ มีการเลือกตั้งตามกรอบระยะเวลา ที่กำหนด ต่างออกมาเคลื่อนไหวกันคึกคัก ทั้งที่เปิดหน้า และ ในทางลับ

ก่อนหน้านี้ก็เป็นที่ฮือฮา เมื่อนักการเมืองหญิง ที่ถูกมองว่าจะถูกยกขึ้นมาเป็นหัวขบวนในการเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หรือ หญิงหน่อย ออกมาเคลื่อนไหวแสดงบทผู้นำจะขอเปิดเวทีดึงนักการเมืองทุกพรรคมาหารือหาทางออกประเทศไทย หาทางหยุดปัญหาความขัดแย้งของประเทศ แต่ ถูก หัวหน้า คสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เบรกไม่ยอมให้มีเวทีอย่างเป็นทางการขึ้นมา

แถมยังดักทางว่า ต้องการแสดงบทบาทและเรียกร้องเรื่องนิรโทษกรรม ซึ่ง หัวหน้าคสช.เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ตั้งเวทีอย่างเป็นทางการ ไม่ยอมให้นักการเมืองออกมาแสดงบทบาทสร้างพื้นที่ชิงการนำ ยึดพื้นที่สื่อสร้างราคาให้ตัวเอง เพื่อเป้าหมายผลประโยชน์ให้พวกพ้อง นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาก็มีการหารือกันอยู่ คุยกันอยู่แล้ว อย่างไม่เป็นทางการ หากมีอะไรก็เสนอมา ..จะมาขอเปิดเวที เป็น คณะลิเกประโคมโหมไฟส่องหน้า ตีฆ้องร้องป่าว เพื่อยึดพื้นที่นั้น ไม่ได้ จึงเป็นอันว่า ต้องเก็บฉากและเงียบหายไป

มาวันนี้ เมื่อใกล้วันของการลงประชามติเข้ามาทุกที บรรดานักการเมืองต่างก็หาช่องหาทางออกมาแสดงความคิดความเห็นกัน มีทั้งฝั่งต้านเต็มที่ กับฝ่ายหนุนเต็มที่ ต่างประโคมโหมข้อมูลให้ผู้สนับสนุนฟังกันเพื่อเป้าหมายตามที่วาดหวัง

แน่นอนในส่วนของฝั่งที่ต่อต้าน ร่าง รธน. ก็พยายามชี้จี้จุดอ่อน หวังจะให้การลงมติล้มร่าง รธน.หรือ ไม่รับร่าง รธน. ขณะฝ่ายหนุนก็พยายามยกเหตุมาอธิบาย ถึงความดีของร่าง รธน. เพื่อต้องการให้มีมติรับร่าง รธน.ฉบับนี้ ให้ได้ และแม้ว่าในช่องทางเปิดจะไม่สามารถทำได้มากนักเนื่องจากมีกฎหมาย ของ คณะกรรมการเลือกตั้ง คอยกำกับ ไม่ให้มีการแสดงที่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และชี้นำเพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง

แต่ในทางปฏิบัติ อย่างที่รู้กันเมื่อทางเปิดไปได้ยาก ก็ต้องมีการหาช่องหาทางมุดลงใต้ดิน งัดตำรางัดกลยุทธ์เท่าที่จะทำได้กันออกมาใช้ อย่างเช่น กรณีมีการทำร่าง รธน.ปลอม ส่งไปเผยแพร่ถึงตามบ้านผ่านไปรษณีย์เป็นต้น

สำหรับการคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ แน่นอนชัดเจน ทางซีกของพรรคการเมืองที่ชัดเจนก็คือ พรรคเพื่อไทย เพราะมีบรรดานักการเมืองในซีกนี้ หลายคนออกมาแสดงความเห็นส่วนตัว ซึ่งเป็นสิทธิสามารถทำได้ตามที่ คณะกรรมการเลือกให้ความเห็นไว้ โดยส่วนใหญ่ ประกาศไม่รับ ร่าง รธน.ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามประเด็นใหญ่ที่ถูกนำมามาขยายซึ่งทางฝ่าย เพื่อเป็นธงนำในการไม่รับร่าง คือ สิทธิของประชาชนที่จะหายไปไม่ว่าจะเรื่องสวัสดิการในการรักษาพยาบาล 30 บาทรักษาทุกโรค สิทธิเรียนฟรี 15 ปี เป็นต้น ซึ่งในประเด็นเหล่านี้ ทั้งประธานร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมาธิการร่าง รธน. ออกมาย้ำหลายครั้งว่าไม่เป็นความจริง เป็นความพยายามบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง ทั้งสิ้น

ประเด็นในเรื่องผลกระทบกับบรรดานักการเมืองที่มีชนักติดหลัง ซึ่งอาจถูกห้ามเล่นการเมืองตามกรอบรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ถูกหยิบขึ้นมา แต่ต้องการเน้นเจาะไปที่ฐานรากมากกว่า

หากชั่งน้ำหนักและจับตาดูการเคลื่อนไหวของบรรดาฝ่ายที่ต้านรัฐธรรมนูญ ค่อนข้างยังมั่นใจในฐานเสียงของตัวเองในพื้นที่ยึดครองในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงของบรรดานักการเมือง ในพรรค ว่ายังเหนียวแน่น มีโอกาสที่จะลงมติคว่ำร่างนี้ได้แน่นอน แต่สิ่งที่ บรรดาพลพรรคนักการเมืองเหล่านี้ ยังประเมินไม่ออกก็คือ หาก รธน.ถูกคว่ำ แล้วต่อไปจะเดินหน้าอย่างไร

สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ ให้นำรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าฉบับใดฉบับหนึ่งมาประกาศใช้ เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วหรือตามกรอบของโรดแม็ป ที่ทาง คสช.เคยประกาศไว้

ถึงวันนี้ พวกเขายังมั่นใจว่า หากสามารถลงมติล้มร่าง รธน.ได้ นั้นหมายถึงเสียงสนับสนุนพวกเขายังหนาแน่น การเดินหน้าเพื่อกดดันให้ไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว นั้นย่อมเป็นหนทางที่เขาจะกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้งอย่างถูกต้องตามการเลือกตั้ง นั้นหมายถึงการผลิกกลับจากสิ่งที่พวกเขาตกเป็นเบี้ยล่างหรือเป็นฝ่ายตั้งรับ ไม่ว่าคดีความต่างๆ อาจจะมีโอกาสพลิกกลับได้เช่นกัน

ดังนั้น ถึงชั่วโมงนี้ มองไปที่บรรดานักการเมือง ย่อมเห็นว่า พวกเขาอยากกลับไปเลือกตั้งโดยเร็ว ด้วยกติกาเดิมที่ไม่ส่งผลต่อสถานะหรือกระทบพวกเขามากที่สุด.....................

โดย เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook