5 คดีศึกสายเลือดเชือดกัน ปมมรดกหลายล้านบาท

5 คดีศึกสายเลือดเชือดกัน ปมมรดกหลายล้านบาท

5 คดีศึกสายเลือดเชือดกัน ปมมรดกหลายล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มหากาพย์มรดกน้ำพริกเผาแม่ประนอมที่ยื่นฟ้องลูกสาวคนโตมีทีท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ หลังจากที่ลูกสาวคนโตไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ได้ทำสัญญาไว้ คือ โอนทรัพย์สินส่วนหนึ่งคืนให้แก่ผู้เป็นแม่ที่บุกเบิกอาณาจักรจนใหญ่โต

ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดเริ่มส่อเค้าลางแตกหักลงไปทุกที เมื่อแม่ประนอมไม่ยินยอมให้ใช้ชื่อและรูปตัวเองเป็นตราฉลากสินค้าอีกต่อไป หากไม่ได้ตามข้อเรียกร้องที่ตกลงกันไว้ ซึ่งบทสรุปเรื่องนี้คงต้องติดตามกันต่อไปยาวๆ และได้แต่หวังว่าจะทางออกกันได้ด้วยดี

หากย้อนคดีความขัดแย้งปมมรดกที่บุคคลสายเลือดเดียวกันมีปัญหาแย่งชิงเพื่อให้ได้ทรัพย์ครอบครอง เป็นคดีที่โด่งดังที่ทุกวันนี้ยังถูกพูดถึงเป็นตำนานคดีมรดกสายเลือดเชือดกันเอง

เปิดคดีที่โด่งดัง ตระกูลธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดสดยิ่งเจริญ แถวสะพานใหม่ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน แต่เรื่องราวที่ทำให้ผู้คนต้องจดจำคือการเสียชีวิตของคนในครอบครัวถึง 5 ศพ ที่ถูกโยงเข้าเป็นประเด็นในเรื่องของทรัพย์สินมรดกมูลค่ามหาศาลของ "นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ" 

ราวกับนิยายในละครที่ทายาทมีปัญหาเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน แต่นี่เป็นคดีและเป็นชีวิตจริงที่ตกเป็นข่าว หลายสื่อได้รายงานข่าวการเสียชีวิตของคนในตระกูลนี้และตั้งปมไปในทางเดียวกันคือ แบ่งมรดก 

ปี 2509 สื่อทุกสำนักได้เกาะติดข่าวคดีการเสียชีวิตของ นายอาคม ฉัตรชัยยันต์ สามีของ นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดสดยิ่งเจริญ ถูกลอบยิงเสียชีวิต ตำรวจตั้งประเด็นสันนิษฐานว่าอาจเป็นการขัดผลประโยชน์กิจการโรงฆ่าสัตว์

ผ่านไป 13 ปี ตระกูลธรรมวัฒนะได้ตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งใน ปี 2522 กับข่าวการลอบยิง นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จนได้รับเจ็บสาหัสและต้องไปรักษาตัวอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีรายงานข่าว นางสุวพีร์ ได้มอบหมายให้บุตรสาวคนที่ 3 คือ "กุสุมา" เป็นคนดูกิจการและผลประโยชน์

ดูเหมือนว่าเรื่องราวจบแล้ว แต่กลายเป็นว่าในปี 2525 ถัดมาเพียง 2 ปีเท่านั้นหลัง นางสุวพีร์ ถูกลอบยิงจนเป็นอัมพาต ข่าวอาชญากรรมได้รายงานการเสียชีวิตของ "กุสุมา" ผู้ดูแลกิจการและผลประโยชน์ของตระกูลตามคำสั่งแม่ เธอถูกลอบสังหารระยะเผาขนขณะเดินตรวจตลาดยิ่งเจริญ คดีนี้ตำรวจสามารถจับมือปืนได้ ตามรายงานมือปืนได้ซัดทอด นายบวร ธรรมวัฒนะ ผู้เป็นอา และหลานสาวอีก 2 คนเป็นผู้บงการปมขัดแย้งมรดก คดีถูกไต่สวน แต่ภายหลังศาลฎีกาได้ยกฟ้องในเดือนมีนาคม 2526

และในปี 2533 ตระกูลธรรมวัฒนะ ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งกับการเสียชีวิตของ นางสุวพีร์ ผู้ก่อตั้งตลาดยิ่งเจริญและเจ้าของทรัพย์สินมูลนับหมื่นล้าน ตามข่าวได้ปรากฎข้อมูลว่าทรัพย์สินมหาศาลได้ถูกแบ่งให้ลูกทั้ง 9 คน แม้กระทั่ง "นัยยา ตามประกอบ" บุตรสาวที่เคยถูกตัดออกจากกองมรดกไปแล้ว

ถัดมาอีก 15 วัน "นางนัยนา ตามประกอบ" บุตรสาวคนที่ 6 เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม

ปี 2534 "ผู้ใหญ่แดง" นายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ บุตรชายคนโตของตระกูล ถูกอุ้มหายไปจากสนามบินดอนเมือง กลายบุคคลสาบสูญ

และอีกหนึ่งคดีใหญ่ของตระกูลธรรมวัฒนะในปี 2542 การเสียชีวิตของ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ตามรายงานข่าวระบุเป็นการรฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืน .38 จ่อขมับ ภายในห้องนอนคฤหาสน์ธรรมวัฒนะ คดีดังกล่าวถูกรื้อขึ้นมาหลายรอบมีการผ่าพิสูจน์ศพถึง 3 ครั้งใน 7 ปี เพราะเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมมากกว่าการฆ่าตัวตาย แต่จากหลักฐานต่างๆ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการฆาตกรรมจริงๆ

หลังสูญเสียบุคคลในตระกูลธรรมวัฒนะที่เต็มไปด้วยคราบเลือดมากกว่าคราบน้ำตา พี่น้องที่เหลือในตระกูลได้หันหน้ามาเจรจาปรองดองกัน สามารถยุติคำครหา "มรดกเลือด" ได้อย่างสิ้นเชิง

- ตระกูลชายชีวินลิขิต คนขอนแก่นน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก "ชีวิน ชายชีวินลิขิต" เศรษฐีพันล้านอดีตนายกเทศมนตรีเมืองชุมแพหลายสมัย ซึ่งเมื่อปี 2548 ถูกลอบยิงบาดเจ็บและมาเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดเมื่อปี 2549 ทิ้งมรดกก้อนโตกว่า 1,000 ล้านบาท ไว้เบื้องหลังกลายเป็นมรดกเลือด

ในด้านครอบครัวหลังการเสียชีวิตมีการรายงานข่าวว่า "เสี่ยชีวิน" มีภรรยาถึง 6 คน เป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องเรื่องแบ่งทรัพย์สมบัติกันมากมายหลายคดี และในช่วงเวลา 4 ปี หลังจากเสี่ยชีวินได้เสียชีวิตไปแล้ว เกิดคดีลอบสังหารที่ตกเป็นข่าวครึกโครมกับเสียชีวิตของ นางอรัญญา หรือ "เจ๊หงส์" ภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยชีวิน ที่ถูกกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต

ถัดมาอีก 1 ปี สื่อได้ทำข่าวของตระกูลชายชีวินลิขิตอีกครั้ง นายนาวิน ซึ่งเป็นลูกชายคนโต และเป็นผู้ดูแลธุรกิจ ถูกลอบสังหารที่บ้านพักคนร้ายปาระเบิดและรัวเอ็ม 16 เข้าใส่ แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีคนอยู่

บทสรุปคดีปมสังหาร นางอรัญญา หรือ เจ๊หงส์ และ นายนาวิน ถูกลอบทำร้าย ตำรวจสามารถตามจับกุมมือปืนได้ และได้ซัดทอดไปถึงบุคคลที่อยู่ในตระกูลเดียวกันปมเดียวที่ถูกพูดถึงคือ แบ่งมรดก คดีดังกล่าวศาลขอนแก่นได้พิจารณาโทษไปแล้ว

ตระกูลชนะศัตรู  เหตุเกิดในปี 2553 ปมชิงที่ดินนับร้อยล้านบาท ตามข้อมูลข่าว นายนาวิน ชนะศัตรู และ นายกิตติศักดิ์ ชนะศัตรู ใช้อาวุธปืนฆ่า นางถนอมศรี ชนะศัตรู พี่สะใภ้เสียชีวิตภายในบ้านพัก เป็นศพแรกในตอนกลางคืน จากนั้นความแค้นได้นำพาฆาตกรทั้งสองเดินทางไปสังหาร นางศิลาณี ชนะศัตรู พี่สาวแท้ๆ กลายเป็นศพที่สองในบ้านพักอีกหลังหนึ่ง โดยสภาพศพนั้นถูกไล่ยิงด้วยกระสุน 9 มม.จนร่างพรุนทั้งคู่

และหลังเกิดเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไล่ล่า จนกระทั่งผ่านไป 2 วัน มือสังหารได้นัดมอบตัวกับตำรวจพร้อมเปิดปากสารภาพแบบหมดเปลือกว่า ปมมาจากมรดกที่ดินนับพันไร่มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

- ตระกูลหอมชง อีกหนึ่งคดีที่สังคมให้ความสนใจกับการเสียชีวิตของคนในตระกูลนี้ ปมมรดกเลือดเมื่อลูกชายคนเล็กจ้างฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพี่ชาย 3 ศพ

เหตุเกิดขึ้นวันที่ 3 เมษายน 2557 มีคนร้ายบุกยิงคนในครอบครัว "หอมชง" เสียชีวิตรวม 3 ศพ คือนางวนิดา หอมชง อายุ 57 ปี พ.อ.วินัย หอมชง อายุ 63 ปี และ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง หรือ หมวดเติ้ล อายุ 27 ปี กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญของคนในสังคมเพราะเป็นฆาตกรรมยกครัว

จากการสืบหาสาเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งแรกยังไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ "กิตตินันท์ หอมชง" หรือ เต้ย อายุ 22 ปี "น้องชาย" คนสุดท้องเพราะเจ้าตัวบอกว่าวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่คำให้การหลายอย่างกลับกลายเป็นพิรุธ เมื่อถูกเค้นสอบหนักเข้าเจ้าตัวจึงรับสารภาพว่าเป็นคนบงการฆ่าเอง และมือปืนฆ่าได้เผยว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าบุคคลที่ถูกจ้างานให้ไปฆ่านั้นคือ พ่อแม่และพี่ชายสายเลือดเดียวกัน ของ นายกิตตินันท์

คำสารภาพ นายกิตตินันท์ รู้สึกน้อยใจและโกรธเคืองที่ครอบครัวมักนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่ชาย ที่สำคัญมีเป้าหมายในทรัพย์มรดกของครอบครัวเมื่อพบว่าบิดามีสินทรัพย์เป็นที่ดินกว่า 4 ไร่ มูลค่าหลาย 100 ล้านบาท และมีเงินฝากจำนานหลาย 10 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อปี 2558 นายกิตตินันท์ ศาลได้ตัดสินประหารชีวิต

- ตระกูลทองมาก ชนวนเหตุปมฆ่าชิงมรดกเกิดจากการขึ้นราคาที่ดินในเกาะสมุย และที่ดินของตระกูลทองมาก เป็นทำเลทองใกล้สนามบิน ทำให้มีราคาสูงและที่ดินบริเวณพลุเฉวง ซึ่งมีราคาพุ่งสูงไปกว่า 100 ล้านบาท เหตุนี้เองจึงกลายเป็นปมขัดแย้งของคนในตระกูลนับ 10 ปีกับการแย่งชิงมรดกหลัง นายหมีด ทองมาก เจ้าของมรดกที่ดินถูกยิงเสียชีวิต 

และกลายเป็นคดีฆาตกรรมของคนในตระกูลเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 นายสมพงศ์ หรือนิ่ม ทองมาก อายุ 42 ปี ถูกหลานสาวยิงเสียชีวิต หลังจากมีปากเสียงกับ นางวารี อายุ 53 ปี พี่สาวตนเองเรื่องที่ดินและเกิดทะเลาะกันของทั้งคู่ นายสมพงษ์จะใช้อาวุธปืนเพื่อจะยิงพี่สาวของตัวเอง แต่ น.ส.สายใจ (หลานสาว) ได้ใช้ปืนลูกซอง 5 นัด ยิงสวนมาก่อนเพื่อป้องกันชีวิตแม่
เหตุการณ์ผ่านไปกว่า 7 ปี ตระกูลทองมาก ตกเป็นข่าวอีกครั้งหลัง นางบุญพัด แซ่ขวย อายุ 62 ปี ลูกสาวคนที่ 2 ของ นายหมีด ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิต และเมื่อสืบความไปอีกพบว่าลูกชายและสามีของ นางบุญพัด ถูกลอบยิงเสียชีวิตก่อนหน้านี้เช่นกัน

ต่อมาศาลจังหวัดเกาะสมุยออกหมายจับคนร้าย 4 คน ซึ่ง 2 ใน 4 เป็นผู้บงการคือ นายนันทรัตน์ โกละกะ อายุ 41 ปี ลูกเขยของนางวารี สมหวัง ผู้ขัดแย้งเรื่องที่ดินกับ นางบุญพัด น.ส.สายใจ สมหวัง อายุ 42 ปี บุตรสาวของนางวารี จากปมขัดแย้งกันในเรื่องที่ดิน 4 แปลง โดยมีอยู่ 1 แปลงเป็นที่ดินริมพรุเฉวงที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท

จากคดีฆาตกรรมที่นำเสนอมานั้น ล้วนเป็นตกเป็นข่าวที่คนในสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะปมเหตุมาจาก "มรดกมูลค่ามหาศาล" บุคคลผู้เป็นสายเลือดเดียวกัน ต้องล้างเลือดกันเอง ทำให้เห็นถึงจิตใจของคนที่ถูกครอบงำไปด้วยความโลภและไร้ซึ่งสติ บทสรุปจึงเป็นอย่างที่เห็นตามข่าว "แม้มั่งมีมากมาย สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงแค่กาย เป็นผงเถ้าธุลีดิน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook