สาวเจ้าของคาราโอเกะ เปิดใจเล่า 5 ตร.บุกยัดข้อหา ล่าสุดสั่งเด้งยกแผง

สาวเจ้าของคาราโอเกะ เปิดใจเล่า 5 ตร.บุกยัดข้อหา ล่าสุดสั่งเด้งยกแผง

สาวเจ้าของคาราโอเกะ เปิดใจเล่า 5 ตร.บุกยัดข้อหา ล่าสุดสั่งเด้งยกแผง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจสาวเจ้าของคาราโอเกะ โดนยัดข้อหาจาก 5 ตำรวจชายฉกรรจ์ ยัดเงินให้ลูกน้อง ป้ายสีค้าประเวณี ล่าสุดที่สั่งเด้งยกแผง แต่เจ้าตัวยังคงจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

จากกรณีที่เหยื่อสาวได้เข้าแจ้งร้องทุกข์กับ สภ.เมืองพัทยา ระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. พร้อมกับพรรคพวก พยายามใส่ร้ายและเข้าตรวจค้นร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง และยัดเยียดข้อหาค้าประเวณีทั้งที่ไม่มีหลักฐาน กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวในแวดวงสีกากี กระทั่งมีคำสั่งย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง ร้านนางฟ้าคาราโอเกะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับเหยื่อผู้เสียหายคือ นางสาวปะระนิสา อายุ 36 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลูกน้องที่ร้านโทรมาแจ้งว่า มีตำรวจจะเข้ามาจับกุม ตนจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อตนเดินทางไปถึงก็พบกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนอยู่ในร้าน หนึ่งในนั้นก็มี พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับ ร.ต.ท.จุตภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล รอง สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 อยู่ด้วย

ช่วงเกิดเหตุมีชายไทยคนหนึ่งเข้ามาสั่งเครื่องดื่มชูกำลัง บอกว่ามานั่งรอเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปหาสาวเสิร์ฟของร้าน พูดคุยชักชวนให้ร่วมหลับนอนกัน เสนอค่าตัวให้ 2,000 บาท แต่สาวเสิร์ฟปฏิเสธ เพราะที่ร้านไม่มีการค้าประเวณี

แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้นำเงินสดยัดใส่มือดีเจประจำร้าน โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไร ก่อนที่กลุ่มของ พ.ต.ท.นราวุธ จะบุกจู่โจมเข้ามาในร้าน แสดงตัวเข้าร.ต.ท.จตุภูมิ เป็นคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเงินสดที่ น.ส.ปราณี กำไว้ในมือ พร้อมกับขู่ให้อยู่นิ่งๆ ห้ามขัดขืน และบังคับห้ามโทรศัพท์

เมื่อตนเดินทางมาถึงร้าน พ.ต.ท.นราวุธ แจ้งข้อกล่าวหาว่าร้านของตนถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์และค้าประเวณี ตนจึงสอบถามหาหลักฐานว่า เงินล่อซื้ออยู่ที่ไหนกับใคร ทางตำรวจชี้ไปที่เงิน 2,000 บาท ตนจึงถามลูกน้องว่าขายตัวหรือไม่ ลูกน้องยืนยันว่าไม่ได้ขายตัว แต่เงินก้อนนั้นตำรวจยัดมาให้และบังคับให้พูดตามบท เพื่อกล่าวหาว่าตนเป็นตัวการใหญ่จัดหาการค้าประเวณี ตนจึงเริ่มโวยวายขึ้น

พ.ต.ท.นราวุธ จึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นสาวเสิร์ฟต้องเป็นผู้ต้องหาคนเดียว พอลูกน้องได้ยินก็หน้าเสียเกิดอาการตกใจ จากนั้นตำรวจจึงหันมาถามตนว่า ร้านมีใบอนุญาตหรือไม่ ตนเลยบอกว่าไม่มี ปกติร้านอาหารแถบนี้ก็ไม่มีอยู่แล้ว พ.ต.ท.นราวุธ เลยแจ้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตอีก 1 ข้อหา พร้อมกับเชิญตัวไปโรงพัก ตนจึงขอร้องให้อะลุ่มอล่วย แต่กลับถูกด่าว่าตนเองกวนตีน หัวหมอ และจะใส่กุญแจมือ ตนเลยไม่ยอมพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน

เมื่อน้องสาวตนมาเข้ามาขวาง ทำให้สารวัตรรายนี้โมโหและง้างมือขึ้นทำท่าจะตบหน้า ตนจึงบอกว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด พ.ต.ท.นราวุธ เลยไม่กล้าทำอะไร ก่อนที่จะเปรยว่า ข้อหาไม่มีใบอนุญาตกับค้าประเวณีแค่นี้มีเงิน 20,000 - 30,000 บาทมาเคลียร์ก็จบแล้ว

ในเวลาต่อมา ตนจึงโทรศัพท์ไปปรึกษาญาติผู้ใหญ่ทางภาคใต้คนหนึ่ง เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากรู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พอวางสายได้ไม่นานทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้โทรศัพท์มาหา ตนจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

หลังจากนั้นทาง ผบ.ตร.จึงขอพูดคุยกับ พ.ต.ท.นราวุธ หัวหน้าชุดจับกุม แต่ พ.ต.ท.นราวุธ ไม่ยอมคุยด้วย พร้อมกับบอกว่าตนเป็นบ้า พูดโทรศัพท์อยู่คนเดียว ถ้าเป็น ผบ.ตร.จริง ให้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงบอกให้เปิดลำโพงเพื่อให้ได้ยินเสียง แต่สุดท้ายแล้วนายตำรวจสังกัด บก.สส.ภ.2 คนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็น ผบ.ตร.

กระทั่งผ่านไปประมาณ 5 นาที มีสายโทรเข้ามาที่มือถือของตนพร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้ และขอให้เปิดลำโพงพูดคุยกับหัวหน้าชุดจับกุม แต่ทางสารวัตรรายนี้กลับบอกว่า "ไม่ใช่เสียงของนายกู" ทาง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จึงวางสายไป

ส่วนตำรวจที่ชื่อ "ดาบหมู" ได้ตะโกนขึ้นมาว่า "เดี๋ยวบอกว่าเป็นผู้การ เดี๋ยวบอกว่าเป็น ผบ.ตร.โทรมา ถ้าเป็น ผบ.ตร.จริงจะเอาชื่อไปลงบันทึกประจำวันด้วยว่า ผบ.ตร. ช่วยเหลือผู้กระทำผิด และปลด ผบ.ตร.ออกจากราชการ"

แต่จากนั้นไม่นานก็มีคนโทรเข้ามือถือของ พ.ต.ท.นราวุธ พอเจ้าตัวรับสายและเดินออกไปพูดคุยอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเดินย้อนกลับมา และบอกลูกน้องให้ปล่อยตัวพวกตน ก่อนรีบไปขึ้นรถปิกอัพเชฟโรเล็ต ไม่ทราบทะเบียน ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตนคาดว่าเจ้าตัวน่าจะรู้แล้วว่าคนที่โทรมาหาตนนั้น คือ ผบ.ตร. และ ผู้การฯ ชลบุรีตัวจริง ตนเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าว ปรากฏว่า พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งที่ 170/2559 สั่งย้าย พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับลูกน้องในชุดจับกุม ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ภ.2 โดยขาดจากต้นสังกัดเดิมโดยไม่มีกำหนดแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook