หนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นผ่าตัด "เฟซออฟ" หนีคดีกบดานไทย 11 ปี

หนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นผ่าตัด "เฟซออฟ" หนีคดีกบดานไทย 11 ปี

หนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นผ่าตัด "เฟซออฟ" หนีคดีกบดานไทย 11 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(28 ก.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายยาซูโอะ ทะซึบากิ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลประเทศญี่ปุ่น ในความผิดการค้าหลักทรัพย์ หลังได้ร่วมกันกับพวกทำการปั่นหุ้นที่ประเทศญี่ปุ่น มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นว่า ผู้ต้องหาเป็นกลุ่มขบวนการใหญ่ในการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2005 ก่อนหลบหนีเข้ามาในไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนและติดตามตัว จนพบว่าผู้ต้องหามีการศัลยกรรมใบหน้าอยู่หลายครั้ง ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และในเวลาต่อมาสืบทราบว่า นายยาซูโอะ ได้เดินทางมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ อาคารบี เพื่อทำหนังสือขออยู่ต่อในประเทศไทย จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวในทันที

จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นบุคคลเดียวกัน และเดินทางมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2005 โดยใช้หนังสือเดินทางปกติ ซึ่งวางแผนจะมาใช้ชีวิตปั้นปลายในไทย ซึ่งได้เช่าบ้านพักหรู ย่านพระราม 2 มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ประกอบอาชีพใด

ทั้งนี้ นายยาซูโอะ เป็นอดีตนักธุรกิจ และทนายความชื่อดัง เคยทำงานที่บริษัท OHP ซึ่งผลิตเครื่องจักรรายใหญ่ที่ญี่ปุ่น และปั่นหุ้นของบริษัทในช่วงปี 2001-2005 จากราคา 2 แสนเยน สูงถึง 1.2 -1.5 แสนเยนต่อหุ้น ก่อนจะเทขาย สร้างความเสียหายต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น คิดเป็นเงินไทยกว่า 4,000 ล้านบาท นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่ศาลญี่ปุ่น จับกุมสมาชิกร่วมแก๊งได้ทั้งหมดยกเว้นนายยาซุโอะ ที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย นานกว่า 11 ปี และทำศัลยกรรมผ่าตัดเปลี่ยนหน้า หรือ Face Off เพื่อหนีการจับกุม

ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางนายยาซุโอะ ที่ได้ขอวีซ่าอยู่ต่อประเภทใช้ชีวิตบั้นปลาย ถึงวันที่ 1 กันยายนนี้ และจะประสานทางการญี่ปุ่นส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป

ขอบคุณที่มาจาก ครอบครัวข่าว 3

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook