คนบ้านไผ่พูดถึง หมอเปรม บอกที่มาฉายา "พี่หมอเปรมรักเด็ก"

คนบ้านไผ่พูดถึง หมอเปรม บอกที่มาฉายา "พี่หมอเปรมรักเด็ก"

คนบ้านไผ่พูดถึง หมอเปรม บอกที่มาฉายา "พี่หมอเปรมรักเด็ก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สจ.จ่อย โต้ หมอเปรม ไลฟ์พูดมั่ว ยืนยันออกมาแฉไม่เกี่ยวการเมือง แต่เพื่อศักดิ์ศรีคนบ้านไผ่ เปิดฉายา "พี่หมอเปรมรักเด็ก"

จากกรณี ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือ หมอเปรม อดีต ส.ส.ขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จับนักข่าวแก้ผ้าผู้สื่อข่าวประจำ จ.ขอนแก่น ที่ไปรอสัมภาษณ์ประเด็นข่าวการแต่งงานกับนักเรียนสาวชั้น ม.5 อีกทั้งยังกักขังอยู่ภายในห้องทำงาน ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

(30 ก.ค.) ล่าสุดสื่อมวลชนทุกแขนงยังคงลงพื้นที่เกาะติดตามความเคลื่อนไหวกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านก็ยังคงจับกุมวิพากษ์วิจารณ์กัน บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ เนื่องจากภาพลักษณ์ของ "หมอเปรม" ถือเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอนาคตที่หลายฝ่ายเชื่อว่าสดใส แต่หลังจากมีภาพหลุดสื่อให้เห็นถึงการแต่งงานกับเด็กนักเรียน ม.5 ในอีกมุมหนึ่งก็มองว่าอนาคตทางการเมือง คงจะไม่โรยดอกกลีบกุหลาบซะแล้ว

ผลจากการที่มีผู้นำในพื้นที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลและเรียกร้องให้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบเรื่องนี้ออกมาหาความจริง และโดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) หมอเปรม ได้ออกมาพูดถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะเรื่องที่มีการโต้ตอบ "สจ.จ่อย" ว่ากำลังเล่นการเมือง แต่ไม่ยอมพูดถึงภาพหลุดนั้นว่าจริงหรือไม่ ทำให้ชาวบ้านต้องการให้มีการพิสูจน์ความจริงมากขึ้น ล่าสุดนอกจากพฤติกรรม ในภาพหลุด อดีตผู้นำชุมชนก็ยังออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง

นายวัลลภ อดีตประธานชุมชนศาลเจ้าเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาร้องทุกข์ครั้งนี้ เนื่องจากตนและอดีตประธานชุมชนต่างๆ รวม 13 คน ถูก ดร.นพ.เปรมศักดิ์ ใช้อำนาจโดยมิชอบและไม่เป็นธรรม ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมีนาคม 2558 เทศบาลเมืองบ้านไผ่ได้มีหนังสือฉบับแรกแจ้งออกมาบอกให้ประธานชุมชนต่างๆ ซึ่งหมดวาระในวันที่ 28 ตุลาคม 2557 แล้วประกาศให้ประธานชุมชนและทุกคนที่ต้องการเลือกตั้งเป็นประธานชุมชนให้ไปลงชื่อที่ศาลาประชาคม

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า จากนั้นต่อมาทางเทศบาลก็ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และมีหนังสือให้ประธานชุมชนที่หมดวาระรักษาการไปก่อน จนกว่าจะมีประกาศคำสั่งจาก คสช. เพราะคำสั่ง คสช.ประกาศไม่ให้มีการเลือกตั้ง หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน อยู่ๆ นายกเทศมนตรีก็แต่งตั้งและประกาศรายชื่อการแต่งตั้งประธานผู้นำชุมชนจำนวน 26 ชุมชน ซึ่งไม่มีการเลือกตั้ง

โดยปลดประธานชุมชนเก่าออก 13 คน รวมถึงตนด้วย และยังตั้งชุมชนขึ้นมาใหม่อีก 13 ชุมชน ทั้งที่ประชากรเท่าเดิม ทำให้เทศบาลเมืองบ้านไผ่มีทั้งหมด 39 ชุมชน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ กลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งตนได้รับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะประธานชุมชนมา 8 ปี ก็ยังไม่เคยเห็น

หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ตนและประธานชุมชนที่ถูกปลดออกอย่างไม่เป็นธรรมจะเดินทางเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เพื่อรักษาศักดิ์ศรี แต่ในที่สุดก็ปรึกษากันว่า ถ้าหากไปแล้วชนะก็จะได้อะไร นอกจากศักดิ์ศรีตัวเอง เพราะประธานชุมชนคนทุกไม่สามารถร่วมงานกับหมอเปรมได้อีกแล้ว

นายวัลลภ ยังกล่าวว่า ขณะนี้กระแสชาวบ้านยังคงต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่อภาพปรากฏงานแต่งงานกับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 และเรื่องกักขังจับตัวผู้สื่อข่าวแก้ผ้า หมอเปรมเป็นถึงผู้บริหารทำไมถึงทำตัวแบบนี้ ด้วยที่มีภาพปรากฏการแต่งงานกับเด็กนักเรียนที่อายุยังน้อย

"ส่วนตัวคิดว่าหาก หมอเปรม รับผิดชอบดูแลและไม่ทอดทิ้ง ถามว่าผิดไหม มันไม่ผิดหรอก แต่เมื่อเป็นผู้บริหารเป็นคนสารธารณะมันจะต้องมีจิตสำนึก มีคุณธรรมจริยธรรมด้วย เพราะหมอเปรมนั้นเป็นประธานกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านไผ่ ข.ก.5 และเป็นอาจารย์พิเศษที่สอนในนั้นด้วย มันสมควรหรือไม่ที่จะรักชอบเด็กในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นผู้นำจะไม่รับความเชื่อถือ"

"ซึ่งหากเป็นตนหากอดอยากปากแห้งจริงๆ จะเข้าไปที่ตัวเมือง เพราะสถานที่บริการผ่อนคลายเยอะ เสียเงินก็มีความสุขแล้ว นอกจากนี้ในกระบวนการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องควรที่จะเดินเท้าเข้ามาสืบเสาะหาหลักฐานเพิ่มเติมในพื้นที่เพราะในกรณีคล้ายกันนี้ ใครจะไปรู้ว่ายังมีเด็กนักเรียนและเด็กในชุมชนไปเกี่ยวพันอีกหลายคนเพราะใครๆ ก็รู้ว่า "พี่หมอปากหวาน" แต่ที่ยังไม่กล้าออกมาพูดนั้น ก็เพราะเกรงกลัวอิทธิพล"

ขณะที่ด้าน นายเดชดำรง หรือ สจ.จ่อย ส.อบจ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากที่ออกมาเปิดเผยเรื่องของ หมอเปรม ยอมรับว่ากลัวเหมือนกัน แต่เชื่อว่าตนเองได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง และถึงเวลาแล้วที่จะต้องล้างบ้านให้สะอาดเพราะปัญหาเรื่อง หมอเปรม นั้น เป็นที่รู้กันดีว่ามีพฤติกรรมอย่างไร

โดยเฉพาะกรณีนี้ถือเป็นกรรมตามทัน ที่ผลกรรมได้หมุนเข้าวงรอบที่จะต้องถูกเปิดโปงและต้องรับกรรมจากการกระทำ จึงขอเรียกร้องให้ ตำรวจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้นำพาความจริงออกมาให้ชัดเจน โดยเฉพาะ คุณปวีณา หงส์สกุล มูลนิธิปวีณา ต้องลงมารับเรื่องและตรวจสอบเพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง

"ส่วนกรณีที่ หมอเปรม ออกมาพูดทาง เฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวานนี้ ซึ่งได้พาดพิงผมว่าเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น กรณีดังกล่าวถือว่าหมอเปรมกำลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็น ให้ประชาชนหลงเชื่อในคำพูดของตัวเอง ซึ่งการที่ตนออกมานั้นออกมาในฐานะศิษย์เก่าของโรงเรียน ขก.5 บ้านไผ่ เพื่อปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีของโรงเรียนไม่ให้ถูกย่ำยี เพราะ หมอเปรม มีพฤติกรรมไร้ซึ่งศีลธรรมและสำนึกของความเป็นครูที่ผ่านการยกย่อง"

"ก็คิดง่ายๆ ครูกินเด็กนักเรียน เราจะคิดกันยังไงมีศีลธรรมหรือไม่ อีกทั้งในฐานะทางสังคมซึ่งตนเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ซึ่งดูแลพื้นที่มากถึง 5 ตำบล 1 เทศบาลก็คือเทศบาลบ้านไผ่ นั้นใหญ่กว่า หมอเปรม หลายเท่า แต่สิ่งที่ หมอเปรม ต้องตอบสังคมให้ได้นั่นคือ รักเด็กนักเรียน ม.5 ได้อย่างไร และไปกระทำการอันแสดงถึงอำนาจบาตรใหญ่กับสื่อมวลชนแบบนั้นทำไม ต้องนี้ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้"

นายเดชดำรง เปิดเผยต่ออีกว่า กรณีนี้จะติดตามให้ถึงที่สุด เพราะเชื่อในความยุติธรรม และคุณธรรมของกระบวนการตรวจสอบ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ ม.44 สั่งให้ หมอเปรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

เพราะในขณะนี้เชื่อว่ายังมีคนที่ต้องการออกมาพูดแต่ไม่กล้า ก็เพราะ หมอเปรม ยังมีอำนาจอยู่ แต่เพื่อความเป็นธรรมหากให้หยุดพักชั่วคราวแล้วให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเชื่อว่าความจริงที่ประชาชนไม่คาดคิดจะปรากฏออกมาในอีกไม่ช้า

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่า พฤติกรรมของ หมอเปรม เป็นสิ่งที่หลายครอบครัวหวั่นกลัว โดยเฉพาะในเรื่องชู้สาว เพราะคนทั่วไปจะรู้ว่า เวลาลงพื้นที่ไปทำกิจกรรมทางการเมือง ชอบที่จะขอเบอร์โทรศัพท์จากหญิงสาว หน้าตาดีเพื่อสร้างความคุ้นเคย

หลังจากนั้นก็จะติดต่อพูดคุยชวนไปรับประทานอาหาร ไม่เว้นแม้แต่หญิงที่มีสามีแล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่กลุ่มเด็กนักเรียน โดยอาศัยช่วงที่จะเข้าไปเป็นอาจารย์พิเศษในโรงเรียนและกลุ่มเด็กสกอยซ์ในพื้นที่ จนเกิดกระแสว่า "พี่หมอเปรมรักเด็ก"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook