กต.แจงUNยันประชามติโปร่งใสเลือกตั้งปี60

กต. แจงโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน UN ยัน ไทยให้ความสำคัญกับเสรีภาพ ย้ำจำเป็นต้องควบคุมป้องกันวุ่นวายในการปฏิรูปประเทศ ย้ำ ประชามติ 7 ส.ค. โปร่งใส ตามมาตรฐานสากล ยืนยัน รบ.มุ่งมั่นทำตามโรดแมปจัดเลือกตั้งในปี 60

กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจง กรณี นางราวีนา ซามดาซานี (Ravina Shamdasani) โฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย ว่า ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักปฏิบัติสากล แต่รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและการป้องกันความแตกแยกในสังคม โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ในช่วงของการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชาติ และนำสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน 

พร้อมกันนี้ ชี้แจงเกี่ยวกับการพิจารณาคดีโดยศาลทหาร ว่า ผู้ต้องหาที่ถูกพิจารณาคดีภายใต้ศาลทหาร จะได้รับการประกันสิทธิไม่แตกต่างจากการพิจารณาคดีภายใต้ศาลพลเรือน และตามที่ระบุประมวลวิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงกระบวนการยุติธรรมภายใต้ศาลทหารมีความโปร่งใสดังจะเห็นได้จากการที่ญาติผู้ต้องหา ภาคประชาสังคม กลุ่มพิทักษ์สิทธิ และผู้แทนคณะทูต สามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้

กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจง ว่า การออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นไปอย่างโปร่งใส และบริสุทธิ์ยุติธรรมตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติของอารยประเทศ และสอดคล้องกับขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมผ่านการรับฟังความคิดเห็นและการจัดสัมมนาและอภิปรายอย่างต่อเนื่อง เช่น นักการเมืองที่มีชื่อเสียง นักวิชาการจาก 43 องค์กร และสื่อมวลชน สามารถวิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย แต่ผู้ที่ตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมาย และก่อความไม่สงบ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน รัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่า การนำพาประเทศกลับสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ที่มีความเรียบร้อยและยั่งยืน โดยยึดมั่นดำเนินการตาม Roadmap มีการเลือกตั้งในปี 2560 และจากการที่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ สะท้อนถึงการยอมรับ Roadmap ของรัฐบาลด้วย ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทย เหมือนดังเช่น ที่ควรเคารพเสียงของประชาชนในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมต่อไป