พบแล้ว ด.ญ.13 หายตัวงานเทกระจาด ถูกส่งกลับบ้านสภาพบอบช้ำ

พบเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่หายตัวจากงานเทกระจาดที่โคราชแล้ว หลังมีคนนำตัวมาส่งให้แม่สภาพบอบช้ำทั่วร่างกาย เผยถูกกระทำชำเราตลอด 2 วันที่หายไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง เด็กหญิงเอ๋ นามสมมุติ อายุ 13 ปี พลัดหลงจากญาติที่มารับข้าวสารอาหารแห้งในงานเทกระจาดที่มูลนิธิสว่างเมตตานครราชสีมาและหายตัวไป นางจารุวรรณ อายุ 41 ปี มารดา ซึ่งเป็นชาวบ้านตำบลโนนค่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ส.ค.59 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค.) เวลาประมาณ 15.15 น. นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก ประธานกู้ภัยสว่างเมตตานครราชสีมา ได้พานางจารุวรรณ และ เด็กหญิงเอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ที่หายตัวไป เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พ.ต.ท.พัฐพน ศิริวัฒน์ สารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ที่ห้องสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อเข้าให้ข้อมูลหลังจากที่ได้หายตัวไปนานกว่า 2 วัน ด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรย และมีร่องรอยบอบช้ำตามร่างกายและบริเวณที่ลำคอ

นางจารุวรรณ อายุ 41 ปี มารดา เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองกำลังนั่งอยู่ในบ้าน ก็ได้มีชายสูงอายุ บอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่บ้านหนองหญ้าขาว อำเภอสีคิ้ว พาลูกสาวมาพบตน แจ้งว่าเห็นข่าวเด็กหญิงเอ๋หายตัวไป และจำได้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ จึงได้มีการติดตามจนกระทั่งพบตัว จึงนำเด็กหญิงเอ๋มาส่งให้กับผู้ใหญ่บ้าน ก่อนสอบถามบ้านและนำตัวมาส่งให้กับทางครอบครัว

จากการสอบถามเด็กหญิงเอ๋ เปิดเผยว่า ตนเองนั้นได้เดินทางไปกับเพื่อนที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊กได้เพียงไม่นาน และได้มาเจอกันที่งานเทกระจาด และหลังจากนั้นเพื่อนชายที่รู้จักก็ได้ชักชวนให้นั่งรถยนต์กระบะไปขับรถเล่นประมาณ 10 คน มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน แล้วหลังจากนั้นก็ได้ขับพาไปยังบ้านหลังหนึ่ง ที่อำเภอสีคิ้ว จากนั้นก็ได้กักขังตนเองไว้ภายในห้อง โดยไม่ได้ให้กินอาหาร และตนได้ถูกกระทำชำเราตลอด 2 วัน 1 คืน

ด้านพันตำรวจเอกปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องส่งตัวเด็กหญิงเอ๋ ตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยของการถูกข่มขืนหรือถูกทำร้ายร่างกาย อีกทั้งก็จะต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยจะมีเจ้าหน้าที่อัยการ , นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ในการเข้าสอบสวนด้วย

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกทั้งยังได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนั้นลงพื้นที่เพื่อเฝ้าติดตามพฤติกรรมกลุ่มวัยรุ่นที่เด็กหญิงเอ๋ ไปด้วยในวันที่เกิดเหตุ เพื่อเตรียมนำตัวมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง