นายกฯแจงทูตนิวซีแลนด์ยึดมั่นโรดแมปสู่ปชต.

นายกรัฐมนตรี แจงทูตนิวซีแลนด์ ไทยเร่งปฏิรูปประเทศทุกด้าน ยึดมั่นตามโรดแมป เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน เร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน

พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับ นายเบนจามิน คิง (H.E. Mr. Benjamin King) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยามคารวะ เข้ารับหน้าที่ใหม่ โดยนายกฯ ได้แสดงความยินดีและเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตฯ จะช่วยส่งเสริมและผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเมืองไทย โดยระบุประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปในทุกๆ ด้าน ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะเดินหน้าตาม Roadmap ที่ได้วางไว้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้จัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยความโปร่งใส และให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับการวางรากฐานของสังคมที่เป็นประชาธิปไตย อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ยืนยันรัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะปฏิรูปประเทศและวางรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนในทุกด้าน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการตาม Roadmap ซึ่งมุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตย ที่ยั่งยืน

 

นายกฯคุยนิวซีแลนด์เร่งส่งเสริมความร่วมมือศก.

พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือ นายเบนจามิน คิง (H.E. Mr. Benjamin King) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เข้ารับหน้าที่ใหม่ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเจรจา FTA ระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ รวมถึงเห็นพ้องพัฒนาและขยายความสัมพันธ์ทางด้านการศึกษา การวิจัยและพัฒนา และการท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ครอบคลุมในทุกมิติ

ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ กล่าวว่า นิวซีแลนด์ยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและคำแนะนำทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือไทยในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนชื่นชมรัฐบาลถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ