ผลตรวจร่างกายด.ญ.13 หายตัวงานเทกระจาด ไม่ได้ถูกข่มขืน

ผลตรวจร่างกายด.ญ.13 หายตัวงานเทกระจาด ไม่ได้ถูกข่มขืน

ผลตรวจร่างกายด.ญ.13 หายตัวงานเทกระจาด ไม่ได้ถูกข่มขืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ได้หายตัวไปจากงานเทกระจาด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) เด็กหญิงเอ ได้กลับมาสู้อ้อมกอดของแม่ในสภาพอิดโรยและร่างกายบอบช้ำ อ้างว่าถูกล่อลวงไปกักขังและกระทำชำเรา

ต่อมา เด็กชายบี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่พาเด็กหญิงไปจากงานเทกระจาด ให้การว่า ได้รู้จักกับเด็กหญิงเอได้ราวๆ 1 เดือน ผ่านการติดต่อกันในเฟซบุ๊ก ก่อนจะเดินทางมาเจอกันที่งานเทกระจาด แล้วพาเด็กหญิงเอไปนอนค้างอยู่ที่บ้านจริงเป็นระยะเวลา 1 วัน 1 คืน แต่ในส่วนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำชำเรานั้น เด็กชายบีให้การปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้มีการกระทำชำเราแต่อย่างใด เพียงแค่กอดจูบกันเพียงเท่านั้น

ล่าสุด (26 ส.ค.) พันตำรวจเอกปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวน และผลการตรวจร่างกายของเด็กหญิงเอ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พบว่า ผลการตรวจร่างกายของเด็กหญิงเอ ไม่พบร่องรอยของการถูกข่มขื่น พบเพียงแต่ร่องรอยที่ลักษณะห้อเลือดเป็นจ้ำที่บริเวณลำคอ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้าย

ซึ่งหลังจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องทำการสอบสวนเด็กหญิงเอ เพิ่มเติมเพื่อรวมรวบพยานหลักฐานต่างๆว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะแจ้งข้อกล่าวหากับเด็กชายเอในฐานความผิดอะไรบ้าง ส่วนการที่เด็กหญิงเอ ได้เล่าให้กับญาติพี่น้องว่า ตนเองนั้นถูกกักขังไม่ให้กินอาหารและถูกข่มขืน คาดว่าเด็กหญิงเอ น่าจะเกิดจากอาการที่กลัวว่าจะถูกบิดามารดาดุด่า ที่ทำให้ครอบครัวและทุกคนเป็นห่วง จึงทำให้เล่าเหตุการณ์วกไปวนมาจนทำให้ให้ทุกคนนั้นเข้าใจผิด พันตำรวจเอกปฏิยุทธฯกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook