คุก 18 เดือน วินจยย.ฆ่าแมว 9 ตัว ไม่รอลงอาญา

คุก 18 เดือน วินจยย.ฆ่าแมว 9 ตัว ไม่รอลงอาญา

คุก 18 เดือน วินจยย.ฆ่าแมว 9 ตัว ไม่รอลงอาญา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานของวอทด็อก มูลนิธิเพื่อสุนัข และ น.ส.วัลย์วลี อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายภานุวัต อายุ 26 ปี อาชีพวินจยย. ย่านทองหล่อ ที่ติดต่อขอเลี้ยงลูกแมว 1 ตัว ผ่านเฟซบุ๊กโครงการรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจรจัด

แต่กลับนำแมวไปทำร้าย จนนำไปสู่การจับกุมตัว โดยนายภานุวัตร สารภาพว่า ฆ่าแมวจริง แต่ฆ่าเพียง 9 ตัว เท่านั้น ด้วยวิธีการหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเชือกรัดคอ บีบคอ ทุบ และขว้างใส่ข้างฝา อ้างโมโห ถูกลูกแมวกัด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รวบวินจยย.ทำทีรับเลี้ยงแมวจรจัด สารภาพฆ่าแค่ 9 ตัว

ล่าสุด (22 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีทารุณกรรมฆ่าแมวไทย 9 ตัว ที่พนักงานอัยการศาลแขวง 2 เป็น โจทก์ ยื่นฟ้องนายภานุวัฒน์ อายุ 26 ปี อาชีพวินจยย.รับจ้าง เป็นจำเลยในความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557

โดยคดีนี้ อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายหลังพนักงานสอบสวน ได้คุมตัวนายภานุวัฒน์ มาให้อัยการยื่นฟ้องคดีด้วยวาจาต่อศาล กรณีที่ได้ก่อเหตุทารุณกรรมสัตว์ที่เป็นแมวไทยโดยไม่มีเหตุอันสมควร รวมทั้งสิ้น 9 ตัว ในวันที่ 10 , 18 , 20 , 24 , 26 , 29 , 30 และ 31 กรกฎาคม นี้

ซึ่งนายภานุวัฒน์ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงให้พนักงานคุมประพฤติทำรายงานการสืบเสาะประวัติจำเลยประกอบการพิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งระหว่างนั้นนายภานุวัฒน์ จำเลย ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลตีราคาประกัน 20,000 บาท

ศาลพิเคราะห์คำฟ้องประกอบคำรับสารภาพและรายงานการสืบเสาะประวัติแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมฯ มาตรา 20,31 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 381 ซึ่งการกระทำของจำเลย เป็นความผิดต่อกฎหมายบทให้ลงโทษฐานกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด

จึงพิพากษาให้จำคุก 9 กระทงๆ ละ 4 เดือน รวมจำคุกเป็นเวลา 36 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 9 กระทงๆ ละ 2 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 18 เดือน (คิดเป็น 1 ปี 6 เดือน)

โดยพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ

ทั้งนี้ ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว ครอบครัวและญาติของจำเลยซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจด้วย กำลังหารือการยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราว

ขอขอบคุณภาพจาก ทวิตเตอร์ @AkaravutTv9 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook