ดุสิตโพลปชช.กังวลน้ำท่วมเกษตรเสียหาย-นายกฯสั่งเร่งช่วย

สวนดุสิตโพล เผย ผลสำรวจประชาชน กังวลน้ำท่วม ทำการเกษตรเสียหาย แนะรัฐบาลว่าแผนป้องกันระยะยาว ขณะ นายกฯ สั่งเร่งช่วยเหลือน้ำท่วม ปัดละเลย

"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,304 คน เรื่อง “ความวิตกกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์น้ำท่วม" โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19 - 24 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ประชาชนมีความวิตกกังวลในเรื่องการได้รับความเดือดร้อน น้ำท่วมบ้านเรือน ไร่นา ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ร้อยละ 86.69 รองลงมา อุบัติเหตุจากน้ำท่วม เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด การจราจรติดขัด การเดินทางไม่สะดวก ร้อยละ 80.54 และร้อยละ 75.20 กลัวว่าจะมีฝนตกหนักลงมาอีก น้ำท่วมขัง ระบายไม่ทัน

ทั้งนี้ ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยต้องวางแผนป้องกันระยะยาว มีการบริหารจัดการน้ำที่ดีมีพื้นที่รองรับน้ำเพียงพอ ร้อยละ 82.14 รองลงมา รัฐบาลควรสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือก่อนเข้าสู่หน้าฝน ร้อยละ 78.85 และร้อยละ 69.32 มีการแจ้งเตือน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ความมั่นใจของประชาชนต่อการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล คือ ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 58.39 รองลงมา ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 31.26, ร้อยละ 5.98 มั่นใจมาก และร้อยละ 4.37 ไม่มั่นใจ

นายกฯสั่งเร่งช่วยเหลือน้ำท่วมปัดละเลย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วงหลายวันนี้ ว่า ส่วนตัวได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการในทุกวัน ซึ่งน้ำท่วมน้ำหลากไม่กี่วันก็เอาออก นี่คือความแตกต่าง ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย เบื้องต้นได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ คสช. ให้เร่งดำเนินการระบายน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างอดหลับอดนอนและเสี่ยงอันตราย แต่มีบางคนที่ติติงและไม่ให้กำลังใจในการทำงาน 

ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำจากที่ไม่เป็นระเบียบมากนัก กระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีบริหารจัดการน้ำได้ดีพอสมควร และไม่มีใครทำได้ที่จะให้น้ำไม่ท่วม หากยังมีฝนตกมาก ขณะที่ไม่มีสถานที่กักเก็บน้ำ แต่กำลังพยายามดำเนินการอยู่ หากเทียบกับในอดีตเคยทำเช่นนี้หรือไม่ 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เป็นไปตามวาระ 1 ปี ซึ่งที่ประชุมได้ตอบรับความพยายามตามโรดแมปของไทย และโอกาสนี้ไทยถือเป็นประเทศสมาชิกกลุ่มแรก กว่า 50 ประเทศ ที่ได้ร่วมลงสัตยาบันความร่วมมือเพื่อลดโลกร้อนและการปล่อยก๊าซ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ของรัฐบาล โดยโอกาสครบรอบ 9 เดือน ของไทยที่ได้เป็นประธานกลุ่มประเทศ G77  ถือเป็นเรื่องดีที่ได้รับคำชมเชยจากประเทศสมาชิก ที่ได้นำแนวทางการพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติในประเทศสมาชิกกว่า 30 ประเทศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถประเทศ ให้เกิดความยั่งยืน โดยโอกาสนี้ประเทศไทยได้ถือเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มประเทศ G77 กับ G20 พร้อมกันนี้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า เตรียมส่งต่อให้ประเทศเอกวาดอร์เป็นประธานประเทศ กลุ่ม G77 ต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลไทย ยังได้รับการชมเชยในส่วนของการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัย และการดูแลแรงงานต่างด้าวในไทย ซึ่งการแก้ไขปัญหาต้องเริ่มจากประเทศต้นทาง เพื่อหารือทำความเข้าใจ รวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณสำหรับประเทศแรกรับในการดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ