นายกฯไม่กลัวขึ้นศาลคดีข้าว-รอปรับรบ.ส่วนหน้า

นายกฯไม่กลัวขึ้นศาลคดีข้าว-รอปรับรบ.ส่วนหน้า

นายกฯไม่กลัวขึ้นศาลคดีข้าว-รอปรับรบ.ส่วนหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'พล.อ.ประยุทธ์' ไม่กลัวต้องขึ้นศาลคดีข้าว ดูอยู่ลงนามยึดทรัพย์ 'ยิ่งลักษณ์' ยืนยันทำตามขั้นตอนกฎหมาย ยันไม่ยุ่ง ป.ป.ช. ตรวจสอบ 'พล.อ.ปรีชา-ครอบครัว' ยึดตามหลักฐาน - ยังไม่ตั้ง รบ.ส่วนหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่า จะนำนายกรัฐมนตรี ขึ้นศาลเพื่อร่วมชี้แจงการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ส่วนตัวไม่กลัว เพราะทำหน้าที่ของตนเองและเป็นเรื่องของกฎหมาย หากกลัวก็คงไม่เข้ามายืนในจุดนี้ ซึ่งตนเองต้องทำตามหน้าที่ หากไม่ทำก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา

ส่วนการลงนามคำสั่งทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีโครงการรับจำนำข้าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ หากคล้ายกับกรณีของกระทรวงพาณิชย์ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ลงนามแทน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีข้อบังคับอยู่แล้ว ส่วนการดำเนินการเป็นไปตามกรอบระยะเวลาภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จึงขอให้เข้าใจกระบวนการทำงานต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องตรวจสอบทุกคลังและบัญชี

ส่วนกรณีที่มีการยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เรื่องการตั้งชื่อฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนาและการรับงานประมูลโครงการภายในกองทัพภาคที่ 3 ของภริยา และลูกชาย ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ส่วนตัวไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ถึงจะเป็นน้องชายแต่ก็เป็นคนละคนกัน ส่วนเรื่องของบริษัทบุตรชาย พล.อ.ปรีชา นั้น ขอให้ไปสอบสวนมา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ปรีชา ได้มาขอโทษ แต่ก็ไม่ได้เป็นการยอมรับว่าทำความผิด แต่ยอมรับว่าบางอย่างอาจไม่สมควร แต่ยืนยันว่าได้เตรียมหลักฐานอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการตั้งผู้แทนรัฐบาลส่วนหน้าเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งใครทั้งสิ้น เพราะยังไม่ถึงเวลา และรัฐบาลกำลังทำงานโดยจะใช้รัฐมนตรีเดิมเพื่อทำหน้าที่ ขณะเดียวกัน ยังต้องมีการปรับวิธีการทำงานเพื่อไม่ให้ทับซ้อนกันโดยใช้การบูรณาการร่วมกันระหว่างทหารและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.)

 

นายกฯมั่นใจ"สรรเสริญ"เหมาะคุมกรมประชาสัมพันธ์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงคำสั่งตามมาตรา 44 แต่งตั้ง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ว่า เพื่อบูรณางานด้านประชาสัมพันธ์ เพราะ พล.ต.สรรเสริญ มีความเข้าใจทั้งงาน คสช. และรัฐบาล และที่ผ่านมา มีการบูรณาการไม่มากนัก โดยรับรองว่า พล.ต.สรรเสริญ รู้บทบาทของตัวเองดี และพยายามไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งจะรักษาการไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนใหม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการปิดกั้น หรือละเมิดสิทธิสื่อมวลชน อย่าลืมว่า กรมประชาสัมพันธ์ ก็เป็นหน่วยงานของรัฐ และส่วนตัวก็มีสิทธิ์สั่งการได้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงคำสั่งให้ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ้นตำแหน่งและมาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งผู้ตรวจการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการปรับโครงสร้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปฏิรูปตำรวจโดยลดตำแหน่งรองผู้บัญชาการภาค และให้ พล.ต.อ.วุฒิ มาดูแลงานด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นงานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการทำลายกรมตำรวจ ทุกคนอยากปฏิรูป

 

นายกฯย้ำคดีจำนำข้าวถูก-ผิด ให้กระบวนการยธ.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งสรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 35,717 ล้านบาท ว่า เนื่องจากทุกคดีไม่เคยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจึงมีหน้าที่ในการอำนวยความเป็นธรรมเท่านั้น ไม่ได้ใช้อำนาจในการชี้ผิดหรือถูก แต่ต้องการปกป้องเจ้าหน้าที่ให้กล้าทำงาน เพราะที่ผ่านมา มีการข่มขู่ ไม่ได้ปกป้องให้รังแกใคร ส่วนจะผิดหรือไม่ ต้องให้กระบวนยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน และยืนยันจะดำเนินการได้ทันเวลาก่อนหมดอายุความในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งในส่วนกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์

ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายกว่าร้อยละ 80 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายส่วนที่ต้องร่วมรับผิดชอบ ซึ่งมีถึง 850 คดี และต้องหาผู้ชดใช้ส่วนนี้ โดยมอบให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. เป็นผู้ตรวจสอบในระดับบริหารต่อไป พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการรังแกข้าราชการ แต่อยากให้เป็นบทเรียนว่าอะไรถูกผิด และไม่คล้อยตามไปทั้งหมด

 

นายกฯย้ำเข้ามาบริหารประเทศยึดประโยชน์ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า ขอบคุณนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งบางคนพิการทำได้ดีกว่าคนปกติ เพราะอยู่ที่ความพยายามและตั้งใจ ซึ่งส่วนตัวก็ให้กำลังทุกคน ส่วนตัวไม่เคยฝัน แต่ทำด้วยความจริงและทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ดังนั้นการจะเป็นอะไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้เลือก ไม่เคยไปวิ่งเต้น และไม่หวังจะได้อะไรและส่วนตัวไม่ได้ทำเพื่อตัวเองไม่เคยคิดเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ ผบ.ทบ. และการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะความจำเป็น และไม่ได้อยากเป็น

ส่วนที่มีคอลัมนิสต์ตั้งสมญานามว่า เป็นเผด็จการคลาสสิก หรือ เป็นผู้นำเผด็จการที่มีคุณธรรมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่ารัฐประหารเข้ามา โดยไม่คิดถึงอันตรายของตนเอง แต่มองประเทศชาติเป็นหลัก เพราะชีวิตตายตั้งแต่เป็นทหารแล้ว ดังนั้นวันนี้ควรตอบแทนประเทศชาติอย่างเต็มภาคภูมิ ทั้งนี้ ในอนาคตใครจะดูแลหรือไม่ดูแล ไม่ได้คาดหวัง ซึ่งทั้งหมดได้ตัดสินใจเอง ไม่ได้ถามใคร

 

นายกฯยันรบ.ทำเต็มที่แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้ มีปัญหาเรื่องฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการแก้ปัญหา เพราะปัญหาใหญ่ของทุกเมืองในโลกคือ การวางผังเมือง และไทยเป็นประเทศลุ่มต่ำ ขณะที่ระบบระบายน้ำของไทย ก็เป็นระบบเดิมที่ยังไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดด้วยการสูบน้ำ โดยยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ก็ลดระดับน้ำได้พอสมควร แต่หากฝนตกมากก็อาจมีปัญหายาวนานมากขึ้น ทุกคนต้องช่วยกัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ต้องใช้ระบบไอที เข้ามาดูแลและแก้ปัญหาจราจรในเรื่องใบสั่ง และใบอนุญาต โดยต่อไปจะให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เชื่อมโยงเรื่องการเสียค่าปรับ หากใครไม่ยอมเสียก็ต้องงดใช้ใบอนุญาต ซึ่งกฎหมายต้องแรงขึ้น เพราะคนไม่เคารพกฎหมายจราจร แต่ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะใช้กฎหมายกับประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ต้องแก้ปัญหาที่คนให้มีระเบียบวินัยก่อนแก้ที่ระบบ นอกจากนี้ต้องจัดระเบียบการจราจรในเรื่องการจอดรถ โดยเฉพาะถนนสายหลักต้องแบ่งเบารถไปให้มากที่สุด และรัฐบาลกำลังมีแผนทำลายเกาะกลางถนน เพื่อให้มีพื้นที่เลนถนนเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องดูแลในเรื่องต้นไม้ เพราะมีการปลูกเยอะ

 

นายกฯทูลเกล้าฯสนช.ใหม่ไปแล้ว-ปัดตอบเซตซีโร่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่มอีก 30 คน ว่า ได้ลงนามแต่งตั้งไปเรียบร้อยแล้ว รอมีพระบรมราชโองการลงมา ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่เกษียณได้มีการแต่งตั้งเข้ามาทดแทน นอกจากนี้ยังมีบุคคลภายนอก 2 คน ซึ่งขอย่ามองเพียงรายบุคคล แต่ขอให้มองที่ผลงาน

ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า การเลือกตั้งจะเกิดช่วง ต.ค. ปี 2560 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ กกต.จะออกมาพูดมาก โดยให้ กกต. ทำเพียงหน้าที่ของตนเองเท่านั้น ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบว่าการเลือกตั้งจะเกิดในช่วงเวลานี้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังปฏิเสธตอบคำถามถึงการเซตซีโร่ กกต. ด้วยเช่นกัน

 

นายกฯคุยโอบามาไม่มีการซักถามเรื่องสละอำนาจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงท่าทีในการพบปะพูดคุยกับ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ว่า ได้ทักทายกัน และทุกคนได้เข้ามาคุยกันตนเอง และไม่ได้มีการซักถามว่าเมื่อใดจะสละอำนาจ เนื่องจากไม่ได้ยอมรับตนเอง เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตย ดังนั้นจึงพูดอย่างอื่นไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ได้บอกกับทุกประเทศอย่ากังวลกับตนเองที่เข้ามาแบบนี้ เพราะเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของโลกดี และที่ผ่านมาทำอะไรเสียหายหรือไม่ ซึ่งคิดว่าต่างประเทศมีความไว้ใจมากพอสมควร


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook