ปีเตอร์รับฆ่าศพแช่แข็ง-ตร.ไม่ปักใจจ่อฝากขังวันนี้

รอง ผบช.น. เผย ปีเตอร์ ให้การเป็นประโยชน์คดีศพแช่แข็ง รู้เห็นการตาย แต่ ตร. ยังไม่เชื่อทั้งหมด ยัน ผลนิติเวช บอก ชาว ฮังกาเรียน แค่เผ่าพันธุ์ ไม่ใช่สัญชาติ จ่อฝากขังวันนี้

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากรกระสข่าว นายปีเตอร์ หนึ่งในผู้ต้องหา ที่พบศพแช่แข็ง ใน ซ.สุขุมวิท 56 ให้การทำนองว่า สารภาพ เป็นคนลงมือฆ่าศพแช่แข็งนั้น จาการสอบสวนกรณีนี้ ยอมรับว่า นายปีเตอร์ พูดทำนองนี้จริง แต่ตำรวจ ก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด  เพราะต้องรอพยานหลักฐานอื่นมาประกอบด้วย จนกว่าจะชัดเจน ซึ่งตนจะไปสอบปากคำนายปีเตอร์ ด้วยตัวเองอีกครั้งที่ สน.พระโขนง  ส่วนผลการพิสูจน์ทางนิติเวช ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ที่ระบุว่า ศพแช่แข็งเป็นเชื้อชาติฮังกาเรียนนั้น เป็นการพิสูจน์เรื่องของเผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องทางการแพทย์ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนตายจะเป็นชาวฮังกาเรียน อาจะเป็นสัญชาติอื่นก็เป็นได้ ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้ตายเป็นใครในขณะนี้

รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า หากสอบปากคำ นายปีเตอร์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้หารือกับแพทย์ที่รักษาของ ร.พ.ตำรวจ ว่าจะสามารถนำตัวไปฝากขังต่อศาลพระโขนงได้หรือไม่อีกครั้ง เพราะ นายปีเตอร์ ยังบาดเจ็บจาการเข้าจับกุมของตำรวจก่อนหน้านี้ ซึ่งหากแพทย์อนุญาต ก็ฝากขังได้ทันที ส่วน อดีตภรรยา นายปีเตอร์ นั้น ไม่มีในสำนวนคดี เป็นเพียงการเข้าให้ข้อมูลเท่านั้น จึงไม่ใช่สาระสำคัญของคดีมากเท่าไร

ตร.เร่งหาหลักฐานมัดปีเตอร์ฆ่าหั่นศพ 

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ได้ทำการสอบปากคำ นายเฮอร์เบิร์ด เครก ลาฟอง หรือ นายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน 1 ในผู้ต้องหาคดีแก๊งปลอมพาสปอร์ตข้ามชาติ และพบศพถูกหั่นแช่แข็ง ซอยสุขุมวิท 56 ถึงเวลา 3 นาฬิกา ซึ่ง นายปีเตอร์ ยังรับเพียงว่าได้ทำการหั่นศพจริง แต่ไม่ได้ฆ่าชายชาวฮังกาเรียน ส่วนสาเหตุที่อ้างว่ามีปัญหาเรื่องเคลียร์หนี้สิน ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และอยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานมามัดตัวผู้กระทำผิด จึงยังไม่ได้ออกหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะเชิญพยานปากสำคัญที่เคยมีความสัมพันธ์กับ นายปีเตอร์ เข้าให้ปากคำที่ สน.พระโขนง เพื่อยืนยันพฤติการณ์ชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น และเหตุการณ์กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย ที่เคยทำกับตัวพยานในอดีต รวมถึงพฤติกรรมชอบดูภาพยนตร์แนวทริลเลอร์, สยองขวัญ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นหนึ่งแรงจูงใจในคดีนี้