ศานิตย์รู้แล้วศพถูกหั่นแช่แข็งเป็นใคร-รอผลฟัน

น.1 เผย ปีเตอร์ แก๊งปลอมพาสปอร์ต แบ่งรับแบ่งสู้ ฆ่าชายชาวฮังกาเรียน ขณะทราบแล้ว ผู้ตายเป็นใคร รอผลฟัน,ลายนิ้วมือ ยืนยัน

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้า คดีปลอมพาสปอร์ตและหั่นศพแช่แข็งว่า จากการสอบสวน นายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน 1 ใน 3 ผู้ต้องหา ยังให้การแบ่งรับแบ่งสู้ กรณีพบศพชาวต่างชาติ เชื้อชาติฮังกาเรียน อายุประมาณ 45-50 ปี ถูกหั่นแช่แข็ง ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่อ  แต่จากการสอบสวนพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตตรงกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า ขาดอากาศหายใจและพบสารพิษ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดถึงประเด็นการก่อเหตุได้ แต่มีผู้ร่วมก่อเหตุ ไม่น้อยกว่า 2 คน

ส่วนศพที่พบขณะนี้ตำรวจทราบแล้วว่าเป็นใคร รอเพียงผลตรวจฟันและลายนิ้วมือ อย่างเป็นทางการ  ทั้งนี้ นายปีเตอร์ ได้ชี้ยืนยันภาพถ่ายผู้เสียชีวิตแล้ว และคาดว่า ผู้เสียชีวิต ถูกฆาตกรรมในช่วง ปี 2551  ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ซื้อตู้เย็น และขณะนี้ ตำรวจยังทราบผลเบื้องต้นแล้วว่า รอยนิ้วมือแฝงที่พบบนถุงดำห่อศพ เป็นของบุคคลใด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดีพบศพถูกหั่นแยกชิ้นส่วนในตู้แช่ซอยสุขุมวิท 56 พร้อมเปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการสอบปากคำพยานปากสำคัญซึ่งเป็นพยานที่คาดว่าจะให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จะช่วยให้สามารถเชื่อมโยงคดีได้ แต่ยังขอไม่เปิดเผยว่าพยานคนดังกล่าวเป็นใคร เพื่อความปลอดภัยของพยาน และยังไม่ขอระบุได้ว่าจะมีการสอบปากคำพยานเมื่อใด

ส่วนหลักฐานทางคดีขณะนี้ค่อนข้างครบถ้วนเป็นที่น่าพอใจ และหากได้ผลการตรวจนิติพิษวิทยา ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์  จะทำให้คดีมีความชัดเจนมากขึ้น และสามารถหาจุดเชื่อมโยง รวมถึงพิสูจน์ข้อสงสัยทุกข้ออย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประจักษ์ 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าว ถึงการสอบปากคำ นายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน หรือ นายเฮอร์เบิร์ด เครก ลาฟอง 1 ในผู้ต้องหาแก๊งปลอมพาสปอร์ตข้ามชาติ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหานำทนายมาร่วมสอบปากคำ ซึ่งตามกฏหมายสามารถทำได้ ผู้ต้องหาได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ยังไม่ยืนยันว่า นายปีเตอร์ เป็นคนฆาตกรรมหรือไม่ เนื่องจากต้องตรวจสอบพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง